แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ซื้อที่ดินจากผู้อื่นโดยทำสัญญาซื้อขายกันที่อำเภอ แต่ก็ได้ทิ้งให้รกร้างว่างเปล่าหลายปีจนมีผู้มาขอจับจองเจ้าพนักงานผู้ไปทำการรังวัดก็เห็นเป็นที่ว่างเปล่า จึงได้ออกใบเหยียบย่ำให้ แล้วผู้นั้นได้เข้าครอบครอง ดังนี้ผู้ขอจับจองและเข้าครอบครองจึงมีสิทธิดีกว่าผู้ซื้อ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ซื้อที่พิพาทจากนายบ๋า โดยทำหนังสือซื้อขายกันต่อคณะกรรมการอำเภอตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๗๑ ครั้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๑ จำเลยเข้าแย่งกรรมสิทธิ์ ขอให้ศาลแสดงกรรมสิทธิ์
จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นที่รกร้างว่างเปล่า จำเลยจับจองได้รับใบเหยียบย่ำมา
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ซื้อที่พิพาทจากนายบ๋า ซึ่งมีบริเวณเป็นนาเพียง ๓ ไร่ นอกนั้นเป็นที่รกร้างว่างเปล่าโจทก์มิได้เอาใจใส่ดูแล เป็นแต่ฝากผู้อื่นซึ่งไม่รู้เขตต์ที่แน่นอนโจทก์มิได้ครอบครองที่ซึ่งเป็นป่า คงครอบครองฉะเพาะที่ซึ่งนายหลำทำนา จึงพิพากษาว่าที่ดินส่วนที่เป็นนาเป็นของโจทก์นอกนั้นยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าที่พิพาทนี้แม้โจทก์จะซื้อไว้มีสัญญาซื้อขายก็ดี แต่ก็ได้ทิ้งให้รกร้างว่างเปล่าหลายปี จนกระทั่งจำเลยเข้ามาจับจอง เจ้าพนักงานผู้ไปทำการรังวัดก็เห็นเป็นที่ว่างเปล่า จึงออกใบเหยียบย่ำให้จำเลย แสดงว่าเป็นที่ซึ่งโจทก์ได้ทอดทิ้งไว้ จำเลยผู้ขอจับจองและเข้าครอบครองจึงมีสิทธิดีกว่าโจทก์ พิพากษายืน