คำสั่งศาลฎีกาที่ 12650/2555

คำสั่งศาลฎีกาที่ 12650/2555

  • มาตรา 219 วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 บัญญัติให้ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาและวินิจฉัยคดีที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ทั้งนี้ วิธีพิจารณาและวินิจฉัยคดีให้เป็นไปตามระเบียบที่ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกากำหนด โดยต้องใช้ระบบไต่สวนและเป็นไปโดยรวดเร็ว ส่วนระเบียบที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าด้วยวิธีพิจารณาและวินิจฉัยคดีที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งและการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 ได้กำหนดหลักเกณฑ์ใหญ่ๆ ในการพิจารณาและวินิจฉัยคดีเลือกตั้ง ในกรณีที่วิธีพิจารณาใดซึ่งระเบียบมิได้กำหนดไว้โดยเฉพาะ ความใน ข้อ 4 วรรคสอง ของระเบียบกำหนดให้นำบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. มาใช้บังคับเท่าที่พอจะใช้บังคับได้ผู้ร้องอ้างว่าเหตุที่ขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชัยภูมิเขตเลือกตั้งที่ 1 ใหม่ แทนผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ว่า มีผู้ให้เงินแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงให้แก่ผู้ถูกกล่าวหา โดยมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งเป็นข้ออ้างเหตุเดียวกับคดีซึ่งผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอต่อศาลฎีกาไว้ และศาลฎีกามีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาแล้ว ซึ่งมีผลให้คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา แม้ตามคำร้องทั้งสองคำร้อง จะเป็นการให้เงินคนละวัน โดยผู้ให้คนละคนและผู้รับคนละคนกันและยังอำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด จะมีอำนาจสั่งรวมหรือแยกเรื่องคัดค้านก็เป็นหลักเกณฑ์ชั้นสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัยชี้ขาดของผู้ร้องก็ตาม เมื่อถึงชั้นยื่นคำร้องต้องอยู่ในบังคับของกฎหมายเกี่ยวกับวิธีพิจารณาคดีในศาล ทั้งการที่ผู้ร้องแยกยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา ในขณะที่ผู้ร้องสามารถที่จะรอยื่นรวมกันได้ ย่อมมีผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งเป็นการใช้อำนาจขององค์กรนิติบัญญัติ เพราะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทุกครั้งที่ศาลฎีกามีคำสั่งรับคำร้องแล้ว และมีผลทำให้การพิจารณาคดีเลือกตั้งของศาลฎีกาไม่เป็นไปโดยรวดเร็วตามมาตรา 219 วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 การที่ผู้ร้องมายื่นคำร้องขอต่อศาลฎีกาเป็นคดีนี้อีก ย่อมเป็นการยื่นคำฟ้องเรื่องเดียวกันต่อศาลเดียวกัน เป็นฟ้องซ้อนต้องห้ามตาม ข้อ 4 วรรคสอง ของระเบียบที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าด้วยวิธีพิจารณาและวินิจฉัยคดีที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งและการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 ประกอบมาตรา 171, 173 วรรคสอง (1) แห่ง ป.วิ.พ.
Share