คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8943/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่จำเลยพาอาวุธปืนติดตัวอยู่ในขณะกำลังยืนจัดเตรียมผักเพื่อจะขายบริเวณเพิงหน้าบ้านของตน ซึ่งถือว่าเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัยจึงไม่เป็นความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง และ 72 ทวิ วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72,72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 91, 371 ริบอาวุธปืนของกลาง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 เป็นความผิดสองกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้ใบรับอนุญาต ให้จำคุก 2 ปีฐานพาอาวุธปืนไปในเมืองและทางสาธารณะโดยไม่ได้ใบรับอนุญาตเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จำคุก 1 ปี รวมจำคุก3 ปี คำรับสารภาพชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสี่ คงจำคุก 2 ปี 3 เดือนริบของกลาง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง ให้จำคุก 2 ปี และปรับ 6,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสี่ คงจำคุก 1 ปี 6 เดือนและปรับ 4,500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ข้อหาอื่นให้ยกนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยว่า จำเลยมีความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ตามที่โจทก์ฎีกาหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยมีบ้านอยู่ที่ตลาดจอแจ จังหวัดราชบุรี ตามวันเวลาที่โจทก์ฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมด้วยอาวุธปืนและกระสุนปืนของกลางขณะจำเลยกำลังยืนอยู่ที่บริเวณเพิงหน้าบ้านของจำเลย ขณะจำเลยจัดเตรียมผักเพื่อจะขายที่หน้าบ้านซึ่งใช้เป็นที่อยู่อาศัยและร้านค้าของจำเลย เห็นว่า บ้านเป็นเคหสถานซึ่งใช้เป็นที่อยู่อาศัยของจำเลยและบริเวณเพิงหน้าบ้านเป็นบริเวณของบ้านซึ่งใช้เป็นร้านค้าและที่อยู่อาศัยด้วย จำเลยพาอาวุธปืนติดตัวอยู่ในบริเวณที่อยู่อาศัยของตนจึงไม่เป็นความผิดดังที่โจทก์ฎีกา ที่โจทก์ฎีกาขอไม่ให้รอการลงโทษจำเลยนั้นเห็นว่า ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ใช้อาวุธปืนนั้นกระทำผิดอื่นใดอันเป็นภัยต่อความสงบสุขของประชาชนโดยตรง ที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจรอการลงโทษให้จำเลยเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share