แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาแม้จำเลยให้การรับสารภาพ หากทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยได้กระทำการป้องกันตนเองศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยให้เป็นผลดีแก่จำเลยได้
จำเลยไปทวงเงินที่ผู้ตายเป็นหนี้อยู่ผู้ตายกลับต่อยจำเลยและติดตามเข้าไปทำร้ายซ้ำเติมอีกจำเลยอายุเพียง 19 ปี รูปร่างเล็กและเตี้ยกว่าผู้ตายไม่มีทางสู้แรงปะทะของผู้ตายได้จึงใช้มีดแทงไป 1 ที บังเอิญมีดไปถูกที่สำคัญเข้า ผู้ตายถึงแก่ความตายดังนี้ เป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
จำเลยให้การรับสารภาพ
โจทก์สืบพยานประกอบคำรับสารภาพ จำเลยไม่สืบพยาน ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยใช้อาวุธมีดแทงผู้ตายเป็นการป้องกันเกินกว่าเหตุลงโทษตามมาตรา 288, 69 จำคุก 3 ปี จำเลยอายุไม่ถึง 20 ปี ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี ลดโทษฐานรับสารภาพกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี
โจทก์อุทธรณ์ว่า ศาลไม่ควรยกเรื่องป้องกันตัวขึ้นวินิจฉัย
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้มีข้อหาในความผิดที่มีอัตราโทษหนักศาลต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยกระทำผิดจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 หากโจทก์สืบพยานไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงดังฟ้อง ศาลก็มีอำนาจยกฟ้องของโจทก์เสียได้ ไฉนเมื่อได้ความว่าจำเลยกระทำการโดยป้องกันตนเอง ศาลจึงจะยกขึ้นวินิจฉัยเป็นผลดีแก่จำเลยไม่ได้
ส่วนข้อที่ว่าจำเลยได้กระทำโดยป้องกันตัวหรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยไปทวงเงินนายแสนที่เป็นหนี้อยู่ นายแสนกลับต่อยจำเลยแล้วยังติดตามเข้าไปทำร้ายซ้ำเติม จำเลยวิ่งหนีแล้วยังไล่ตามไปทำร้ายอีก และจำเลยเป็นเด็กอายุเพียง 19 ปี รูปร่างเล็กและเตี้ยกว่า ไม่มีทางสู้แรงปะทะของนายแสนได้ และจะหนีให้รอดพ้นก็ไม่ได้ จึงได้หันมาใช้มีดแทงไป 1 ทีเท่านั้น บังเอิญมีดไปถูกที่สำคัญเข้า นายแสนจึงถึงแก่ความตาย ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยกระทำการป้องกันตนเองพอสมควรแก่เหตุ
พิพากษายืน