แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เงินดาวน์เป็นเงินค่าเช่าซื้อส่วนหนึ่งที่ผู้เช่าซื้อจะต้องชำระในวันทำสัญญา หาใช่เงินค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระไม่ ตามสัญญาค้ำประกันระบุไว้ชัดว่าผู้ค้ำประกันต้องรับผิดในเงินค่าเช่าซื้อทั้งหมดซึ่งรวมทั้งเงินดาวน์ด้วย ตามสัญญาเช่าซื้อไม่มีข้อห้ามการชำระค่าเช่าซื้อด้วยเช็คโจทก์ผู้ให้เช่าย่อมรับชำระเงินดาวน์ด้วยเช็คได้ เมื่อโจทก์รับเงินตามเช็คไม่ได้ จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันก็ต้องรับผิด
แม้ตามสัญญาเช่าซื้อและใบเสร็จรับเงินจะระบุว่า โจทก์ได้รับเงินดาวน์จำนวน 25,080 บาทไว้ถูกต้องแล้วก็ตาม แต่เมื่อจำเลยที่ 1 ผู้เช่าชำระเงินดาวน์ด้วยเช็ค โจทก์ก็นำสืบได้ว่าโจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คนั้นไม่ได้ หาเป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารไม่
เมื่อจำเลยที่ 2 เอารถคันพิพาทไปใช้ชำรุดเสียหาย จำเลยที่ 2ในฐานะผู้ค้ำประกันก็ต้องใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ตลอดระยะเวลาที่จำเลยที่ 2 ครอบครองรถคันนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 391 วรรค 3 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 601/2513)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เช่าซื้อรถยนต์ไปจากโจทก์ราคา ๙๔,๔๐๐ บาทโดยชำระเงินค่าเช่าซื้อบางส่วนในวันทำสัญญา ๒๕,๐๘๐ บาท เป็นเช็คส่วนที่เหลือผ่อนชำระเป็นงวด ๆ โดยมีจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกัน โจทก์นำเช็คดังกล่าวไปเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน และจำเลยที่ ๑ผิดนัดไม่ชำระเงินค่าเช่าซื้อรวม ๕ งวด โจทก์ทวงถามให้จำเลยทั้งสองชำระเงินตามเช็คและเงินค่าเช่าซื้อที่ค้าง กับให้ส่งมอบรถคืน จำเลยเพิกเฉยต่อมาจำเลยที่ ๒ ส่งมอบรถคืนให้โจทก์ในสภาพชำรุดเสียหาย โจทก์จัดการซ่อม จึงฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินตามเช็คค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระและค่าซ่อมรถพร้อมด้วยดอกเบี้ย
โจทก์ขอถอนฟ้องสำหรับจำเลยที่ ๑ ศาลอนุญาต
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า โจทก์รับเงินดาวน์จากจำเลยที่ ๑ เป็นเช็คล่วงหน้าโดยจำเลยที่ ๒ ไม่รู้เห็นและไม่ได้รับรองเช็คนั้น จึงไม่ต้องรับผิด โจทก์ยังไม่ได้ส่งมอบรถยนต์ให้จำเลย เพียงแต่จำเลยที่ ๒ ขอรับมาโชว์เพื่อขาย เงินค่าเช่าซื้อก็ไม่ได้ค้างเพราะไม่มีการเช่าซื้อ รถอยู่ในความครอบครองของโจทก์ตลอดมาจนถึงวันส่งรถไปโชว์เพื่อขายดังกล่าว เงินค่าซ่อมรถแม้โจทก์จะซ่อมจริง จำเลยก็ไม่ต้องรับผิด เพราะตัวแทนโจทก์ได้รับมอบรถคืนไปในสภาพดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๒ ในฐานะผู้ค้ำประกันชำระเงินดาวน์ค่าเสียหายและค่าซ่อมแซมรถให้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
ที่จำเลยที่ ๒ ฎีกาว่า เงินดาวน์คือเงินที่ผู้เช่าซื้อจะพึงชำระในขณะตกลงซื้อขายและก่อนทำสัญญาซื้อขาย ตามปกติต้องชำระเป็นเงินสด เมื่อโจทก์ยอมรับชำระเงินดาวน์จำนวน ๒๕,๐๘๐ บาทด้วยเช็คล่วงหน้าและออกใบเสร็จรับเงินเสมือนหนึ่งชำระด้วยเงินสด การที่โจทก์นำเช็คนั้นไปรับเงินไม่ได้เป็นความผิดของโจทก์เอง จำเลยที่ ๒ ไม่ได้ค้ำประกันหรือรับรองเช็คดังกล่าว จึงไม่ต้องรับผิดชอบ อย่างไรก็ดี ถ้าฟังว่าเงินดาวน์เป็นเงินค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเช่าซื้อค้างชำระจากจำเลยนั้น เห็นว่าเงินดาวน์เป็นเงินค่าเช่าซื้อส่วนหนึ่งของราคาค่าเช่าซื้อรถยนต์ของโจทก์ที่ผู้เช่าซื้อจะต้องชำระในวันทำสัญญา หาใช่เงินค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระไม่ ตามสัญญาค้ำประกันข้อ ๑ ระบุไว้ชัดว่า ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดในเงินค่าเช่าซื้อทั้งหมด ซึ่งรวมทั้งเงินดาวน์ด้วย ตามสัญญาเช่าซื้อไม่มีข้อห้ามการชำระค่าเช่าซื้อด้วยเช็ค โจทก์ย่อมรับชำระเงินดาวน์ด้วยเช็คได้ เมื่อโจทก์รับเงินตามเช็คไม่ได้ จำเลยที่ ๒ ในฐานะผู้ค้ำประกันต้องรับผิดในจำนวนเงินตามเช็คนั้น โจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกเงินจำนวนนี้จากจำเลยที่ ๒ ได้
ที่จำเลยที่ ๒ ฎีกาว่า ตามสัญญาเช่าซื้อและใบเสร็จรับเงินระบุว่าโจทก์ได้รับเงินดาวน์จำนวน ๒๕,๐๘๐ บาทไว้ถูกต้องแล้ว โจทก์จะสืบว่าไม่ได้รับเงินดาวน์หาได้ไม่ เพราะเป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสาร ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๔ นั้น เห็นว่าจำเลยที่ ๑ชำระเงินดาวน์ด้วยเช็ค โจทก์นำสืบได้ว่าโจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คนั้นไม่ได้หาเป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารไม่
ที่จำเลยที่ ๒ ฎีกาว่า จำเลยที่ ๑ ได้รับมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อและนำกลับมาฝากบริษัทโจทก์ในวันเดียวกัน โจทก์ส่งรถคันนี้ไปให้จำเลยที่ ๒ในฐานะเป็นตัวแทนของโจทก์เพื่อให้โชว์ขาย จำเลยที่ ๒ ไม่ได้นำรถคันนี้ออกใช้เลย โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายเนื่องจากการใช้รถนั้นข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ ๒ ได้รับรถคันนี้ไปจากบริษัทโจทก์ แล้วต่อมาโจทก์ยึดรถคันนี้คืนจากจำเลยที่ ๒ และต้องเอาไปซ่อมเพราะชำรุดเสียหายหลายอย่าง แสดงว่าจำเลยที่ ๒ นำรถคันนี้ไปใช้ ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยที่ ๒ในฐานะผู้ค้ำประกันต้องใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ตลอดระยะเวลาที่จำเลยที่ ๒ครอบครองรถคันนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๙๑ วรรค ๓ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๖๐๑/๒๕๑๓ ระหว่างบริษัทสยามกลการและนิสสันจำกัด โจทก์ นายเผยอบบ์ พุ่มชูศรี กับพวกจำเลย
พิพากษายืน