แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์อุทธรณ์ขอไม่ให้รอการลงโทษความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขัง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 ซึ่งระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปีปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยในข้อหาดังกล่าวเป็นการไม่ชอบ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276,318, 310, 83, 91
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคแรก, 310 วรรคแรก, 318 วรรคท้าย, 83 ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 คงจำคุกจำเลยมีกำหนด3 ปี 9 เดือน ปรับ 9,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ส่วนโทษจำคุกพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีและรายงานการสืบเสาะ และพินิจของพนักงานคุมประพฤติแล้วเห็นว่า จำเลยยังมีอายุน้อยและไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรให้โอกาสจำเลยกลับตนเป็นพลเมืองดีต่อไป โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 4 ปี โดยกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมประพฤติ
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำคุกจำเลยโดยไม่รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่รอการลงโทษจำคุกและไม่คุมประพฤติจำเลย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อหาความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 วรรคแรกนั้น มีระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปีปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยในข้อหานี้แล้วจึงต้องห้ามมิให้โจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 ทวิ การที่โจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ไม่รอการลงโทษจำเลยสำหรับข้อหานี้ เป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว เมื่อจำเลยไม่ได้อุทธรณ์ ข้อหาดังกล่าวจึงยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาในข้อหาดังกล่าวมาโดยไม่รอการลงโทษจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบ จำเลยไม่มีสิทธิฎีกาขอให้รอการลงโทษในข้อหานี้อีก ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลยในข้อหานี้ ศาลฎีกาคงรับวินิจฉัยเฉพาะข้อหาข่มขืนกระทำชำเราและพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา276 วรรคแรก และมาตรา 218 วรรคท้าย…”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในส่วนข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขังตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 210 วรรคแรกโดยให้บังคับคดีในข้อหานี้ไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์