คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 286/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินโดยอ้างว่าจำเลยอาศัยหรือบุกรุก เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเช่าที่ดินนั้นปลูกบ้าน เรือนอาศัยอยู่ คดีก็ต้องยกฟ้องโจทก์
จำเลยเช่าที่ดินปลูกบ้านเรือนอาศัยอยู่ก่อนเพลิงไหม้ การที่จำเลยเข้าไปปลูกบ้านเรือนในตอนหลังย่อมไม่เป็นการละเมิด

ย่อยาว

คดี ๖ สำนวน ขึ้นมาสู่ศาลฎีกาโดยโจทก์คนเดียวกัน ฟ้องจำเลยต่างคนกัน ศาลล่างพิจารณาพิพากษารวมกัน
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับผู้อื่นเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินและได้ใช้สิทธิครอบครองตลอดมา เมื่อเดือนมกราคม ๒๔๙๙ ได้เกิดเพลิงไหม้อาคารบ้านเรือนเป็นส่วนมาก ในเดือนนั้นจำเลยแต่ละคนได้ละเมิดสิทธิของโจทก์โดยบุกรุกเข้ามาปลูกโรงเรือนในที่ดินบางส่วนของโจทก์บริเวณที่เกิดเพลิงไหม้ โดย จำเลยไม่มีอำนาจตามกฎหมายขอให้บังคับให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ขับไล่และเรียกค่าเสียหาย
จำเลยต่อสู้ว่า ได้อยู่ในที่พิพาทก่อนถูกเพลิงไหม้ โดยเช่าที่ดินจากตัวแทนเจ้าของเดิมบ้าง ตัวแทนโจทก์บ้าง เมื่อเพลิงไหม้โรงเรือนที่จำเลยอาศัยแล้ว ต่างปลูกเพิงพักอาศัยในที่ดิน ซึ่งได้เช่าอยู่มานั้น
ศาลชั้นต้นเห็นว่า เพลิงไหม้บ้านเรือนซึ่งปลูกอยู่ในที่เช่า สัญญาเช่าที่ดินไม่ระงับจำเลยจึงมีสิทธิปลูกบ้านอยู่อาศัยในที่ดินที่เช่าได้อีก จำเลยไม่ได้บุกรุกละเมิดสิทธิของโจทก์ดังฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยบุกรุกเข้ามาเมื่อเกิดเพลิงไหม้แล้ว แต่ความจริงจำเลยได้ใช้สิทธิครอบครองโดยอาศัยความคุ้มครองจากสัญญาเช่ามาก่อนเพลิงไหม้ และเมื่อเกิดเพลิงไหม้ก็ปลูกเพิงอาศัยในที่ซึ่งเคยเช่าและครอบครองอยู่มานั้น โจทก์ไม่ได้ฟ้องอ้างว่าได้ใช้สิทธิเลิกการเช่ากับจำเลยแล้ว ก็ต้องยกฟ้องโดยไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยกรณีที่โรงเรือนถูกเพลิงไหม้ไปหมดแล้วจำเลยจะยังได้รับความคุ้มครองจากการเช่าต่อไปอีกหรือไม่ ศาลอุทธรณ์คงพิพากษายืนในผลที่ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินโดยอ้างว่าจำเลยอาศัยหรือบุกรุกนั้น เมื่อพิจารณาได้ความว่าจำเลยเช่าที่นั้นปลูกบ้านเรือนอาศัยอยู่แล้ว คดีก็ต้องยกฟ้องโจทก์ และคดีเรื่องนี้เมื่อฟังว่าจำเลยเช่าที่ดินปลูกบ้านเรือนอาศัยอยู่ก่อนเพลิงไหม้ การที่จำเลยเข้าไปปลูกบ้านเรือนในตอนหลังนี้ ก็ย่อมไม่เป็นการละเมิด พิพากษายืน

Share