แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยต่างแย่งกันจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ารูปมดซึ่งมีลักษณะเหมือนหรือเกือบเหมือนกัน แม้จำเลยจะถูกนายทะเบียนเพิกถอนการจดทะเบียนเนื่องจากไม่ต่ออายุการจดทะเบียนก็ถือได้เพียงว่าจำเลยมิได้เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าตามนิตินัยต่อไปเท่านั้น เมื่อจำเลยยัง ใช้เครื่องหมายการค้าอยู่จำเลยยังเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าโดยพฤตินัย เมื่อทั้งโจทก์และจำเลยต่างใช้และเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าพิพาทโดยพฤตินัยมาด้วยกัน แต่จำเลยใช้มาก่อนจำเลยย่อมมีสิทธิดีกว่า เครื่องหมายการค้าที่ไม่ต่ออายุการจดทะเบียนจนนายทะเบียนเพิกถอนเครื่องหมายการค้าเสียจากทะเบียนนั้นทำให้ผู้เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าไม่ได้รับความคุ้มครองอย่างเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนเท่านั้น แต่สิทธิในเครื่องหมายการค้าที่ไม่จดทะเบียนยังคงมีอยู่ อีกทั้งหากมีการแสดงเครื่องหมายการค้าที่ไม่จดทะเบียนว่าเป็นเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนหรือขายหรือเสนอขายสินค้าซึ่งมีเครื่องหมายการค้าที่ตนรู้อยู่ว่าเป็นความเท็จย่อมมีความผิดและอาจรับโทษตามมาตรา 45 แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2474 ได้ ดังนั้น การที่กฎหมาย กำหนดเรื่องอายุการจดทะเบียน การต่ออายุและการจดทะเบียนไว้หาได้ไร้ประโยชน์เสียทีเดียวไม่
ย่อยาว
คดีทั้งสองสำนวนศาลชั้นต้นรวมพิจารณาและพิพากษา โดยให้เรียกโจทก์ในสำนวนแรกซึ่งเป็นจำเลยในสำนวนหลังว่า โจทก์และโจทก์ในสำนวนหลังซึ่งเป็นจำเลยในสำนวนแรกว่าจำเลย
โจทก์สำนวนแรกฟ้องว่า โจทก์ได้ผลิตสินค้าโดยใช้เครื่องหมายการค้ารูป “มด” ออกจำหน่าย และได้ยื่นคำร้องจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าว เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2524ต่อมาวันที่ 4 กันยายน 2528 จำเลยได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ารูป “มด” แต่เนื่องจากเครื่องหมายการค้าที่โจทก์และจำเลยยื่นคำขอจดทะเบียนเป็นสินค้าจำพวกเดียวกันและมีเครื่องหมายการค้าเป็นรูปมด ซึ่งมีลักษณะเหมือนหรือเกือบเหมือนกัน นายทะเบียนเครื่องหมายการค้าจึงมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบ โจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยดำเนินการถอนคำขอจดทะเบียนสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้า กรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์แต่จำเลยเพิกเฉย ทำให้โจทก์เสียหายเป็นเงิน 100,000 บาทขอให้นายทะเบียนเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ารูป “มด” ในสินค้าจำพวก 1 ทั้งจำพวกให้แก่โจทก์ ให้จำเลยดำเนินการถอนคำขอจดทะเบียน หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 100,000 บาทให้โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยได้ใช้และจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ารูป “มด” ตั้งแต่ พ.ศ. 2516 อายุการจดทะเบียนสิ้นสุดในเดือนเมษายน 2526 จำเลยไม่ได้ดำเนินการต่ออายุการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวเป็นเหตุให้นายทะเบียนมีคำสั่งเพิกถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลย แต่จำเลยก็ยังคงใช้เครื่องหมายการค้ารูป “มด” กับสินค้าของจำเลยมาจนถึงปัจจุบันจำเลยจึงเป็นผู้มีสิทธิใช้เครื่องหมายการค้ารูป “มด” ดีกว่าโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
โจทก์สำนวนหลังฟ้องว่า เมื่อวันที 4 กันยายน 2528 โจทก์ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ารูป “มด” ต่อมานายทะเบียนมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบว่าเครื่องหมายการค้าดังกล่าวเหมือนหรือเกือบเหมือนกับเครื่องหมายการค้าของจำเลย นายทะเบียนจึงไม่รับจดให้ โจทก์เป็นผู้มีสิทธิใช้เครื่องหมายการค้ารูป “มด”ดีกว่าจำเลย เนื่องจากโจทก์ได้ใช้กับสินค้าของโจทก์และจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวมาตั้งแต่ พ.ศ. 2516 และนายทะเบียนได้เคยรับจดทะเบียนไว้ โจทก์ก็ยังคงใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวมาจนปัจจุบันโจทก์มีหนังสือขอให้จำเลยไปดำเนินการเพิกถอนแล้วแต่จำเลยก็เพิกเฉย การที่จำเลยใช้เครื่องหมายการค้าซึ่งเหมือนหรือเกือบเหมือนกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์เป็นการลวงสาธารณชนให้หลงผิด คิดว่าสินค้าของจำเลยเป็นสินค้าของโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นเงิน 100,000 บาท ขอให้จำเลยถอนคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าว หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนา ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 100,000 บาท ให้โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับตั้งแต่วันฟ้อง จนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ารูป “มด” เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2528 ส่วนโจทก์ได้ยื่นเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2528 โจทก์จึงยื่นคำขอจดทะเบียนภายหลังจากการยื่นคำขอจดทะเบียนของจำเลยแม้โจทก์จะใช้เครื่องหมายการค้ารูป “มด” มาตั้งแต่ พ.ศ. 2516 และจดทะเบียนแต่นายทะเบียนก็ได้เพิกถอนการจดทะเบียนดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน 2526 แล้วโจทก์ไม่ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนภายในสิบสองเดือนนับตั้งแต่วันถูกเพิกถอนตามมาตรา 38 แห่งเครื่องหมายการค้าเครื่องหมายการค้าพ.ศ. 2474 การเพิกถอนจึงสมบูรณ์ โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิในเครื่องหมายการค้ารูป “มด” ดังกล่าว ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมไม่ได้บรรยายฟ้องให้ชัดว่าโจทก์เสียหายอย่างไร จำเลยจึงไม่ต้องชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ถอนคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเลขที่ (ก.) 149376 ลงวันที่8 สิงหาคม 2528 ตามเอกสารหมาย จ.2 หากไม่ปฏิบัติตามก็ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาโจทก์ และยกฟ้องของจำเลยในคำขอเกี่ยวกับความเสียหาย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เครื่องหมายการค้าของโจทก์และจำเลยที่ได้แย่งกันจดทะเบียนต่างเป็นรูปมดใช้กับสินค้าในจำพวกที่ 1 ทั้งจำพวก สินค้าของโจทก์เป็นประเภทกาวลาเท็กซ์ ของจำเลยเป็นประเภทเคมีภัณฑ์ เช่น ผงทอง สี และกาวลาเท็กซ์ เครื่องหมายการค้าของโจทก์และของจำเลยมีลักษณะเกือบเหมือนกันจำเลยได้ใช้เครื่องหมายการค้าสำหรับสินค้าของจำเลยมาแต่ พ.ศ. 2515 และได้นำไปจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าไว้เมื่อ พ.ศ. 2516 ครบกำหนดสิบปีแล้ว จำเลยไม่ต่ออายุของการจดทะเบียนจนนายทะเบียนเพิกถอนเครื่องหมายการค้านั้นเสียจากนายทะเบียนเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2526 และภายในกำหนดสิบสองเดือนนับแต่วันเพิกถอนจำเลยมิได้มีการขอต่ออายุการจดทะเบียนขึ้นมาในระหว่างที่จำเลยใช้เครื่องหมายการค้ายังไม่ถูกเพิกถอนกับสินค้าจำเลยอยู่นั้น โจทก์ก็ได้ใช้เครื่องหมายการค้ารูปมดกับสินค้าของโจทก์กล่าวคือ เมื่อ พ.ศ. 2519 โจทก์ได้ผลิตและจำหน่ายสินค้ากาวลาเท็กซ์ภายใต้เครื่องหมายการค้ารูปมดแดงโดยคิดประดิษฐ์รูปมดขึ้นเองเพราะโจทก์เคยศึกษาอยู่ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าบางมด ครั้นต่อมาวันที่ 8 สิงหาคม 2528 โจทก์ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนตามคำขอเลขที่ (ก) 1499376 ส่วนจำเลยก็ยื่นคำขอจดทะเบียนเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2528 ตามคำขอเลขที่ (ก) 149965นายทะเบียนไม่ยอมจดทะเบียนเพราะเห็นว่าเครื่องหมายการค้าของโจทก์และจำเลยมีลักษณะเหมือนหรือเกือบเหมือนกัน ให้โจทก์จำเลยไปทำความตกลงกันหรือนำคดีมาสู่ศาล โจทก์และจำเลยจึงได้ฟ้องเป็นคดีนี้ปัญหาในชั้นฎีกามีว่า โจทก์หรือจำเลยจะมีสิทธิในเครื่องหมายการค้ารูปมดพิพาทดีกว่ากัน เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2474 มาตรา 27 บัญญัติไว้ความว่า”บุคคลผู้ใดได้จดทะเบียนเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้นท่านให้ถือเป็นเจ้าของ มีสิทธิผู้เดียวเพื่อใช้เครื่องหมายการค้าสำหรับสินค้าที่ได้จดทะเบียนไว้” มาตรา 29 วรรคแรก บัญญัติความว่า “ผู้ใดจะนำคดีสู่ศาลเพื่อป้องกันหรือเรียกค่าเสียหายในการล่วงสิทธิเครื่องหมายการค้าที่ไม่ได้จดทะเบียนนั้นไม่ได้”มาตรา 35 บัญญัติไว้ความว่า “การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้นท่านว่าสมบูรณ์เพียงสิบปี แต่จะต่ออายุความบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติก็ได้ และมาตรา 36, 37 และมาตรา 38 ว่าด้วยการต่ออายุและการเพิกถอนการจดทะเบียน ตามกฎหมายดังกล่าวมีเจตนารมณ์เพื่อคุ้มครองเครื่องหมายการค้าที่มีการจดทะเบียนกล่าวคือ บุคคลผู้ที่ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้นกฎหมายถือว่าเป็นเจ้าของมีสิทธิใช้ หากมีผู้ใดนำไปใช้โดยมิชอบก็มีสิทธิฟ้องต่อศาลเพื่อป้องกันหรือเรียกค่าเสียหายได้ สำหรับกรณีนี้ทั้งโจทก์และจำเลยต่างแย่งกันจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าซึ่งมีลักษณะเหมือนหรือเกือบเหมือนกัน แม้จำเลยจะได้ถูกนายทะเบียนเพิกถอนการจดทะเบียนซึ่งตามบทกฎหมายดังกล่าวถือได้เพียงว่าจำเลยมิได้เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าตามนิตินัยต่อไปเท่านั้น แต่ก็ได้ความว่า จำเลยยังใช้เครื่องหมายการค้านั้นอยู่ จำเลยยังเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าโดยพฤตินัยเมื่อทั้งโจทก์และจำเลยต่างใช้และเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าพิพาทโดยพฤตินัยมาด้วยกัน แต่จำเลยใช้มาก่อนย่อมมีสิทธิดีกว่าที่โจทก์ฎีกาว่า หากให้เจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ถูกเพิกถอนการจดทะเบียนเพราะไม่ต่ออายุยังคงมีสิทธิในเครื่องหมายการค้านั้นต่อไปก็จะทำให้อายุการจดทะเบียน การต่ออายุและการเพิกถอนการจดทะเบียนตามที่กฎหมายกำหนดไว้ไร้ประโยชน์นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า เครื่องหมายการค้าที่ไม่ต่ออายุการจดทะเบียนจนนายทะเบียนเพิกถอนเครื่องหมายการค้าเสียจากนายทะเบียนนั้น ทำให้ผู้เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าไม่ได้รับความคุ้มครองอย่างเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนเท่านั้น แต่สิทธิในเครื่องหมายการค้าที่ไม่จดทะเบียนยังคงมีอยู่อีกทั้งหากมีการแสดงเครื่องหมายการค้าที่มิได้จดทะเบียนว่าเป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียน หรือขายหรือเสนอขายสินค้าซึ่งมีเครื่องหมายที่ตนรู้อยู่ว่าเป็นเท็จย่อมมีความผิดและอาจได้รับโทษตามมาตรา 45 แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2474 ได้ ดังนั้น การที่กฎหมายกำหนดเรื่องอายุการจดทะเบียน การต่ออายุและการจดทะเบียนไว้หาได้ใช้ประโยชน์เสียทีเดียวดังที่โจทก์ฎีกาไม่
พิพากษายืน