แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ตาม คำร้อง ของ จำเลย ที่ 1 ที่ ขอให้ งด การ ขายทอดตลาด ไว้ จนกว่า จะ มี การ ประเมิน ราคา ทรัพย์สิน ใหม่ จำเลย อ้าง เหตุ แต่เพียง ว่า เวลา ผ่าน ไป 1 ปี ทำให้ ทรัพย์สิน ที่ ถูก ยึด ราคา สูง ขึ้น มิได้ อ้าง เหตุ ว่า เจ้าพนักงาน บังคับคดี ประเมิน ราคา ทรัพย์สิน ไว้ ไม่ชอบ อย่างไร ที่ จำเลย อ้างว่า เวลา ผ่าน ไป ทำให้ ทรัพย์สิน ที่ ถูก ยึด มี ราคา สูง ขึ้น ชอบ ที่ เจ้าพนักงาน บังคับคดี จะ ต้อง ตีราคา ทรัพย์สิน ใหม่ นั้น ราคา ทรัพย์สิน ที่ ถูก ยึด อาจ มี การ ขึ้น ลง ได้ ตาม สภา ว การณ์ ทาง เศรษฐกิจ และ ราคา ที่ ขึ้น ลง นี้ เจ้าพนักงาน บังคับคดี หรือ ศาล จะ นำ มา ประกอบการ พิจารณา ใน ตอน ที่ จะ ใช้ ดุลพินิจ ให้ ขาย หรือไม่ ให้ ขาย ทรัพย์สิน ที่ ถูก ยึด ไว้ เจ้าพนักงาน บังคับคดี หรือ ศาล มิได้ ถูก จำกัด ว่า จะ ต้อง ขาย ทรัพย์สิน ที่ ถูก ยึด ใน ราคา ที่ เจ้าพนักงาน บังคับคดี ได้ ตีราคา ไว้ ใน ขณะที่ มี การ ยึดทรัพย์ ดังกล่าว จึง ยัง ไม่มี เหตุ ที่ ต้อง งด การ ขายทอดตลาด แล้ว ประเมิน ราคา ทรัพย์สิน ให้ ใหม่
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้ที่จำเลยที่ 1 เบิกเงินเกินบัญชีจากบัญชีเดินสะพัดซึ่งเปิดไว้กับธนาคารโจทก์ สาขาแพร่ โดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันพร้อมดอกเบี้ย มิฉะนั้นให้ยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่จำเลยที่ 1จดทะเบียนจำนองเป็นประกันหนี้และทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองออกขายทอดตลาดชำระหนี้ให้แก่โจทก์จนครบ จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การ ต่อมาโจทก์จำเลยทั้งสองทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยจำเลยทั้งสองยอมชำระหนี้ตามฟ้องโดยผ่อนชำระเป็นรายงวด หากผิดนัดงวดใดโจทก์บังคับคดีได้ทันที ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม จำเลยทั้งสองผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอม ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2533ผู้รับมอบอำนาจโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่จำเลยที่ 1 จดทะเบียนจำนองเป็นประกันและทำการขายทอดตลาดทรัพย์สินดังกล่าว หลายครั้ง และในวันที่ 5 กันยายน 2534 อันเป็นวันขายทอดตลาดอีกครั้ง จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดการขายทอดตลาด ทรัพย์สินดังกล่าวไว้ก่อน และให้เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาทรัพย์สินดังกล่าวใหม่อ้างว่าราคาที่ประเมินไว้เดิมต่ำกว่าราคาที่แท้จริงของท้องตลาดในเวลายื่นคำร้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1ว่า กรณีมีเหตุต้องงดการขายทอดตลาดแล้วประเมินราคาทรัพย์สินให้ใหม่หรือไม่ เห็นว่า ตามคำร้องของจำเลยที่ 1 ลงวันที่ 5กันยายน 2534 ที่ขอให้งดการขายทอดตลาดไว้จนกว่าจะมีการประเมินราคาทรัพย์สินใหม่นั้น จำเลยอ้างเหตุสำคัญแต่เพียงว่าเวลาผ่านไป 1 ทำให้ทรัพย์สินที่ถูกยึดราคาสูงขึ้น มิได้อ้างเหตุว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาทรัพย์สินไว้ไม่ชอบอย่างไรที่จำเลยอ้างว่าเวลาผ่านไปทำให้ทรัพย์สินที่ถูกยึดมีราคาสูงขึ้นชอบที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะต้องตีราคาทรัพย์สินใหม่นั้นก็เห็นว่าราคาทรัพย์สินที่ถูกยึดอาจมีการขึ้นลงได้ตามสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจและราคาที่ขึ้นลงนี้เจ้าพนักงานบังคับคดีหรือศาลจะนำมาประกอบการพิจารณาในตอนที่จะใช้ดุลพินิจให้ขายหรือไม่ให้ขายทรัพย์สินที่ถูกยึดไว้ เจ้าพนักงานบังคับคดีหรือศาลมิได้ถูกจำกัดว่าจะต้องขายทรัพย์สินที่ถูกยึดในราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ตีราคาไว้ในขณะที่มีการยึดทรัพย์สินดังกล่าวเมื่อเป็นเช่นนี้จึงยังไม่มีเหตุที่ต้องงดการขายทอดตลาดแล้วประเมินราคาทรัพย์สินให้ใหม่ตามคำร้องของ จำเลยที่ 1 ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งและคำพิพากษายกคำร้องของจำเลยที่ 1 นั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล” พิพากษายืน