คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3529/2531

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างโจทก์ ได้รับคำสั่งจากโจทก์ให้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นคณะกรรมการตรวจรับมอบการก่อสร้างแล้วไม่ตรวจรับมอบการก่อสร้างให้เป็นไปตามที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้กำหนด และได้รับความเห็นชอบจากโจทก์ ดังนี้เป็นคำฟ้องที่กล่าวหาว่าจำเลยที่ 1 ไม่ปฏิบัติงานให้เป็นไปตามคำสั่งของโจทก์ และไม่ปฏิบัติงานให้เป็นไปตามหน้าที่อันเกิดแต่สัญญาจ้างแรงงาน ขอให้บังคับจำเลยตามสิทธิตามสัญญาจ้างแรงงานมิใช่คดีฟ้องเรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิด จึงนำอายุความหนึ่งปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 มาปรับแก่คดีหาได้ไม่ คดีมีอายุความสิบปีตามมาตรา 164

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 เป็นพนักงานลูกจ้างประจำของโจทก์ส่วนจำเลยที่ 2 เคยเป็นพนักงานลูกจ้างประจำของโจทก์ต่อมาเกษียณอายุ โจทก์ได้ทำสัญญาว่าจ้างให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดมานะชัยการช่างทำการก่อสร้างสำนักงานธนาคารออมสินสาขาบางพลัด ในราคา 2,410,000 บาท แต่งตั้งให้จำเลยที่ 4เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างกับให้จำเลยที่ 1 ซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ออกแบบแปลนรวมทั้งวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง และจำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นคณะกรรมการตรวจรับมอบการจ้าง จำเลยทั้งสี่ไม่ปฏิบัติงานให้เป็นไปตามคำสั่งของโจทก์และไม่ปฏิบัติงานให้เป็นไปตามสัญญาจ้าง เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ ขอให้พิพากษาบังคับให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 223,850 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ให้การว่าจำเลยที่ 1 ได้ปฏิบัติอย่างถูกต้องตามหน้าที่ทุกประการมิได้กระทำการใด ๆ อันเป็นการผิดสัญญาจ้างหรือละเมิดทำให้โจทก์เสียหาย ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์ฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนด 1 ปีนับแต่โจทก์รู้ถึงความเสียหาย และผู้ที่จะต้องรับผิด คดีโจทก์ขาดอายุความ
จำเลยที่ 2 ที่3 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องหากมีจริงก็ไม่ถึงจำนวนตามฟ้อง ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
จำเลยที่ 4 ให้การว่า จำเลยที่ 4 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและคดีโจทก์ขาดอายุความ
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินให้โจทก์เป็นเงิน 223,850 บาท พร้อมดอกเบี้ย ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ 3และที่ 4
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานเห็นว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุมแล้ววินิจฉัยว่า “จำเลยที่ 1 อุทธรณ์อีกว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องทำให้โจทก์เสียหาย จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธว่า จำเลยที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้อง มิได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อ เป็นเรื่องพิพาทกันเกี่ยวกับละเมิด มิใช่เรื่องผิดสัญญาจ้างแรงงานหรือไม่ปฏิบัติตามสัญญาจ้างแรงงานแต่อย่างใดเมื่อโจทก์ฟ้องคดีเมื่อพ้นปีหนึ่งนับแต่เมื่อโจทก์ได้รู้หรือควรรู้ถึงความเสียหาย และรู้ตัวผู้กระทำผิด คดีโจทก์จึงขาดอายุความนั้น พิเคราะห์แล้ว โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1เป็นลูกจ้างโจทก์ได้รับคำสั่งจากโจทก์ให้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3เป็นคณะกรรมการตรวจรับมอบการก่อสร้างแล้วไม่ตรวจรับมอบการก่อสร้างเกี่ยวกับยี่ห้อและคุณภาพของวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างให้เป็นไปตามที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้กำหนด และได้รับความเห็นชอบจากโจทก์เป็นคำฟ้องที่กล่าวหาจำเลยที่ 1 ไม่ปฏิบัติงานให้เป็นไปตามคำสั่งของโจทก์ และไม่ปฏิบัติงานให้เป็นไปตามหน้าที่อันเกิดแต่สัญญาจ้างแรงงานในการร่วมเป็นคณะกรรมการตรวจรับมอบการก่อสร้างขอให้บังคับจำเลยตามสิทธิตามสัญญาจ้างแรงงานมิใช่คดีฟ้องเรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิด จึงนำอายุความหนึ่งปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 มาปรับแก่คดีหาได้ไม่ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์มีอายุความสิบปี ตามมาตรา 164 คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความนั้นชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share