คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1109/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยปลอมใบมอบอำนาจโจทก์ไปโอนโฉนดขายที่ดินของโจทก์ให้ตนเองแล้วขายฝากต่อไป ต้องถือว่ามิได้มีนิติกรรมการซื้อขายที่ดินดังกล่าวเกิดขึ้นเลยกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทยังเป็นของโจทก์อยู่ตามเดิมแม้ผู้รับซื้อฝากจะจดทะเบียนรับซื้อไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนหรือไม่ก็ตามผู้รับซื้อฝากก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์
การที่โจทก์มอบโฉนดที่พิพาทให้จำเลยยึดถือเพราะได้ทำสัญญาจะซื้อขายที่พิพาทกันไว้ และจำเลยได้วางมัดจำไว้กับโจทก์แล้วด้วยย่อมมีเหตุอันสมควรในการที่โจทก์จะมอบโฉนดที่พิพาทให้จำเลยไว้จะว่าโจทก์ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงมิได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญาซื้อที่ดินของโจทก์โดยวางเงินมัดจำไว้บางส่วน โจทก์มอบให้จำเลยยึดถือโฉนดที่ดินไว้ ต่อมาจำเลยที่ 1 ปลอมหนังสือมอบอำนาจของโจทก์มอบให้จำเลยที่ 1เป็นตัวแทนโอนขายที่ดินของโจทก์ให้จำเลยที่ 1 เองแล้วจำเลยที่ 1 นำหนังสือมอบอำนาจปลอมดังกล่าวไปยื่นขอจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานที่ดิน เจ้าพนักงานที่ดินหลงเชื่อจึงได้จดทะเบียนโอนขายที่ดินของโจทก์ให้แก่จำเลยที่ 1 โดยโจทก์มิได้รู้เห็นยินยอมในการทำนิติกรรมรายนี้ และต่อมาจำเลยที่ 1 ได้จดทะเบียนขายฝากที่ดินแปลงดังกล่าวแก่จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 รับซื้อฝากไว้ทั้งที่รู้อยู่ว่าจำเลยที่ 1 มิใช่เจ้าของที่ดิน การขายฝากจึงตกเป็นโมฆะ ขอให้เพิกถอนหนังสือสัญญาขายที่ดินและหนังสือสัญญาขายฝากที่ดินดังกล่าว หากจำเลยทั้งสองขัดขืนให้ถือเอาผลแห่งคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง โดยให้เจ้าพนักงานที่ดินเพิกถอนการจดทะเบียนไปได้เลย ให้จำเลยทั้งสองคืนโฉนดที่ดินตามฟ้องให้โจทก์

จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

จำเลยที่ 2 ให้การว่า ได้จดทะเบียนรับซื้อฝากที่ดินไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน โจทก์มอบโฉนดที่ดินให้จำเลยยึดถือไว้เป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของโจทก์เอง โจทก์จะขอให้เพิกถอนสัญญาขายฝากไม่ได้

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ปลอมหนังสือมอบอำนาจของโจทก์แล้ว ดำเนินการจดทะเบียนโอนขายที่พิพาทให้แก่ตนเอง สัญญาซื้อขายไม่สมบูรณ์จำเลยที่ 1 ไม่ได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทและไม่อาจโอนกรรมสิทธิ์ขายฝากไปยังจำเลยที่ 2 การที่โจทก์มอบโฉนดให้จำเลยที่ 1 ก็ไม่เป็นความประมาทเลินเล่อ อย่างร้ายแรงเพราะจำเลยที่ 1 วางมัดจำให้ไว้ถึง 40,000 บาท พิพากษาให้จำเลยทั้งสองเพิกถอนการจดทะเบียนซื้อขายและสัญญาขายฝาก ให้ร่วมกันคืนโฉนดที่ดินแก่โจทก์ หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนา

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พยานหลักฐานโจทก์เชื่อได้ว่า หนังสือมอบอำนาจตามฟ้องเป็นเอกสารปลอม เมื่อนิติกรรมซื้อขายที่พิพาทเกิดขึ้นจากหนังสือมอบอำนาจปลอม ก็ต้องถือเสมือนว่ามิได้มีนิติกรรมการซื้อขายที่พิพาทเกิดขึ้นเลยฉะนั้น กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทจึงคงเป็นของโจทก์อยู่ตามเดิม หาตกไปเป็นของจำเลยที่ 1 ไม่ จำเลยที่ 1 จงไม่มีสิทธิเอาที่พิพาทไปขายฝากแก่จำเลยที่ 2 แม้จำเลยที่ 2 จะจดทะเบียนรับซื้อฝากที่พิพาทไว้จากจำเลยที่ 1 โดยสุจริต และเสียค่าตอบแทนหรือไม่ก็ตาม จำเลยที่ 2 ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ และการที่โจทก์มอบโฉนดที่พิพาทให้จำเลยที่ 1 ยึดถือไว้ก็เพราะโจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้ทำหนังสือสัญญาจะซื้อขายที่พิพาทกัน และจำเลยที่ 1 ได้วางมัดจำเป็นการชำระค่าซื้อที่พิพาทบางส่วนก็มีเหตุอันสมควรอยู่ จะถือว่าโจทก์ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงตามที่จำเลยที่ 2 ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้หาได้ไม่ จำเลยที่ 2 จึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทตามนิติกรรมขายฝาก ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1800/2497

พิพากษายืน

Share