คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3430/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ไม้ของกลางที่รื้อมาจากบ้านของจำเลยบางส่วน เฉพาะส่วนที่เป็นฝาชั้นบนและชั้นล่างหนา 1 นิ้วบ้าง 5 กระเบียดบ้าง ไม่ได้ไสกบและตีตะปูไว้เพียงหัวท้าย สามารถรื้อออกจากตัวบ้านได้ง่าย ไม้ฝาชั้นล่างก็เพียงตีทาบไว้ระหว่างเสาไม้ ไม่มีลักษณะเป็นฝาที่ป้องกันอะไรได้ ส่วนที่เป็นไม้พื้นก็ไม่มีลักษณะเป็นไม้พื้นถาวร ไม่อยู่ภายในกรอบของตัวบ้านไม้ของกลางมีลักษณะเป็นไม้ที่อยู่ในสภาพพรางว่าเป็นสิ่งปลูกสร้าง หรืออยู่ในสภาพสิ่งปลูกสร้างอันไม่ชอบด้วยลักษณะสิ่งปลูกสร้างทั่ว ๆ ไป จึงเป็นไม้แปรรูป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีไม้สักท่อนยังไม่ได้แปรรูป อันเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. จำนวน 1 ท่อน ปริมาณ 0.02 ลูกบาศก์เมตรไว้ในครอบครองโดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขาย และจำเลยมีไม้สักแปรรูปแล้วจำนวน 81 แผ่น ปริมาณ 2.39 ลูกบาศก์เมตรไว้ในความครอบครองภายในเขตควบคุมแปรรูปไม้ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ ริบของกลาง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีไม้สักท่อนยังไม่ได้แปรรูปตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2525 มาตรา 3 ยกฟ้องฐานมีไม้สักแปรรูปไว้ในความครอบครอง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ลงโทษจำเลยฐานมีไม้สักแปรรูปไว้ในความครอบครองตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (พ.ศ. 2525) มาตรา 4 ด้วย

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ไม้ของกลางที่รื้อออกมาจากบ้านของจำเลยบางส่วนนั้น เฉพาะส่วนที่เป็นฝาชั้นบนและชั้นล่าง หนา 1 นิ้วบ้าง 5 กระเบียดบ้าง ไม่ได้ไสกบและตีตะปูไว้เพียงหัวท้าย สามารถรื้อออกจากตัวบ้านได้ง่าย ไม้ฝาชั้นล่างก็เพียงตีทาบไว้ระหว่างเสาไม้ ไม่มีลักษณะเป็นฝาที่ป้องกันอะไรได้ส่วนที่เป็นไม้พื้นก็ไม่มีลักษณะเป็นไม้พื้นถาวรที่อยู่ในกรอบของตัวบ้าน ทำให้เห็นว่าไม้ของกลางที่รื้อมีลักษณะเป็นไม้อยู่ในสภาพที่พรางว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างหรืออยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างอันไม่ชอบด้วยลักษณะสิ่งปลูกสร้างทั่ว ๆ ไปจึงเป็นไม้แปรรูป

พิพากษายืน

Share