คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5483/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสองกู้เงินโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.1 ต่อมาได้ทำเอกสารหมาย จ.2 มีข้อความว่า ข้าพเจ้าได้กู้เงิน บ.(โจทก์) เป็นเงิน 100,000 บาท จะผ่อนส่งคืนให้หมดสิ้นภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2534 แล้วลงท้ายด้วยการลงชื่อของจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นข้อความที่แสดงแจ้งชัดว่าจำเลยทั้งสองรับว่าเป็นหนี้เงินกู้โจทก์รายนี้จริง จึงเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ที่มีผลบังคับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172(เดิม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันกู้เงินโจทก์ 100,000 บาทตกลงให้ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ครบกำหนดชำระเงินต้นคืนในวันที่ 1 ธันวาคม 2533 จำเลยทั้งสองได้รับเงินครบถ้วนแล้ว เมื่อครบกำหนดจำเลยทั้งสองไม่ได้ชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ยแก่โจทก์ต่อมาจำเลยทั้งสองได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้แก่โจทก์หลังจากทำหนังสือรับสภาพหนี้แล้ว จำเลยทั้งสองไม่เคยชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ยแก่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินต้นจำนวน 100,000บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน100,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นรับฎีกาของจำเลยทั้งสองเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาเช่นว่านี้ศาลฎีกาจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 238 ประกอบมาตรา 247ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองมีว่าหนังสือตามเอกสารหมายจ.2 เป็นหนังสือรับสภาพหนี้ที่มีผลบังคับได้ตามกฎหมายหรือไม่ในปัญหาข้อนี้ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยมาว่า จำเลยทั้งสองได้กู้เงินโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.1 ต่อมาจำเลยทั้งสองทำหนังสือรับสภาพหนี้ว่าได้กู้เงินจากโจทก์เป็นเงิน 100,000บาท ชำระคืนภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2534 ตามเอกสารหมาย จ.2เมื่อถึงกำหนด จำเลยทั้งสองไม่ชำระ เห็นว่า หนังสือตามเอกสารหมายจ.2 เป็นเอกสารที่รับรองหนี้เงินกู้ตามสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.1โดยขึ้นต้นด้วยข้อความว่าข้าพเจ้าได้กู้เงินนายบุญเรือง จันทร์แย้(โจทก์) เป็นเงิน 100,000 บาท จะผ่อนส่งคืนให้หมดสิ้นภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2534 แล้วลงท้ายด้วยการลงลายมือชื่อของจำเลยทั้งสอง ซึ่งเป็นข้อความที่แสดงแจ้งชัดว่าจำเลยทั้งสองรับว่าเป็นหนี้เงินกู้โจทก์รายนี้จริง ทั้งยังยืนยันที่จะชำระหนี้ดังกล่าวโดยมีกำหนดเวลาไว้ด้วย จึงเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ที่มีผลบังคับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 (เดิม)
พิพากษายืน

Share