แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้เอาประกันภัยรถบรรทุกหมายเลขทะเบียน 80-1287 ศรีสะเกษไว้กับจำเลยที่ 3 ได้แก่ร. โดยทำสัญญาประกันภัยเมื่อวันที่24 มกราคม 2528 มีระยะเวลาประกันภัยตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2528ถึงวันที่ 25 มกราคม 2529 ขณะทำสัญญาประกันภัยห้างหุ้นส่วนจำกัดศรีสะเกษ ต.ไทยเจริญ เป็นผู้มีสิทธิครอบครองและใช้รถโดยถือกรรมสิทธิ์รถบรรทุกคันดังกล่าว ส่วนจำเลยที่ 1 เพิ่งรับโอนสิทธิครอบครองและใช้รถโดยถือกรรมสิทธิ์เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2528 หลังจากทำสัญญาประกันภัยรถบรรทุกคันดังกล่าวไปแล้วและไม่มีการโอนสิทธิตามสัญญาประกันภัยให้แก่จำเลยที่ 1 ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้เอาประกันภัยรถบรรทุกคันดังกล่าวไว้กับจำเลยที่ 3 โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยที่ 3 รับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์รับประกันภัยรถยนต์หมายเลขทะเบียน 5บ.-6854 กรุงเทพมหานคร ไว้จากบริษัทคลองตันบิสซิเนสจำกัด จำเลยที่ 3 เป็นผู้รับประกันภัยรถบรรทุกหมายเลขทะเบียน80-1287 ศรีสะเกษ ไว้จากจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2529 ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ขับรถบรรทุกคันดังกล่าวในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 ด้วยความประมาทเฉี่ยวชนรถยนต์หมายเลขทะเบียน 5บ-6854 กรุงเทพมหานครที่นายสมชาย จำปิ่น ขับมา ได้รับความเสียหาย โจทก์ได้นำรถยนต์คันดังกล่าวไปซ่อมเสียค่าลากจูงและค่าซ่อมจำนวน 55,706 บาท โจทก์ได้จ่ายเงินให้ผู้เอาประกันภัยไปเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2529 จึงเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยมาฟ้องเรียกเงินจำนวนดังกล่าวจากจำเลยทั้งสาม ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์จำนวน 55,706 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 26 มีนาคม 2529 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้รับประกันภัยรถยนต์หมายเลขทะเบียน 5บ-6854 กรุงเทพมหานคร จำเลยที่ 1 มิได้เป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถบรรทุกหมายเลขทะเบียน 80-1287 ศรีสะเกษและมิได้เป็นนายจ้างของผู้ขับรถบรรทุกคันดังกล่าว เหตุที่รถทั้งสองคันเฉี่ยวชนกันเกิดจากความประมาทของนายสมชายแต่ฝ่ายเดียวค่าเสียหายไม่เกิน 5,000 บาท ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 3 ให้การว่า บริษัทคลองตันบิสซิเนส จำกัด ไม่ใช่เจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์หมายเลขทะเบียน 5บ-6854 กรุงเทพมหานครจำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถบรรทุกหมายเลขทะเบียน80-1287 ศรีสะเกษ และไม่ได้เป็นนายจ้างของผู้ขับรถบรรทุกคันดังกล่าวจำเลยที่ 1 หรือจำเลยที่ 2 ไม่เคยเอาประกันภัยรถยนต์คันใด ๆ ไว้กับจำเลยที่ 3 ในวันเกิดเหตุนายสมชายขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน 5บ-6854 กรุงเทพมหานคร ด้วยความประมาทไปชนรถบรรทุกคันดังกล่าว รถยนต์ที่นายสมชายขับเสียหายไม่มาก ค่าลากจูงไม่เกิน 200 บาท ค่าซ่อมไม่เกิน 15,000 บาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้เงิน 55,706 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 26 มีนาคม 2529 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า นายสมชายผู้ขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน 5บ-6854 กรุงเทพมหานคร มีส่วนประมาทด้วย พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้เงิน 30,000 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 26 มีนาคม 2529เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้เอาประกันรถบรรทุกหมายเลข 80-1287ศรีสะเกษ ไว้กับจำเลยที่ 3 ได้แก่นายรังสรรค์ โดยทำสัญญาประกันภัยเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2528 มีระยะเวลาประกันภัยตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2528 ถึงวันที่ 25 มกราคม 2529 ขณะทำสัญญาประกันภัยห้างหุ้นส่วนจำกัด ศรีสะเกษ ต.ไทยเจริญ เป็นผู้มีสิทธิครอบครองและใช้รถโดยถือกรรมสิทธิ์รถบรรทุกคันดังกล่าว ส่วนจำเลยที่ 1 เพิ่งรับโอนสิทธิครอบครองและใช้รถโดยถือกรรมสิทธิ์เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2528 หลังจากทำสัญญาประกันภัยรถบรรทุกคันดังกล่าวไปแล้วและไม่มีการโอนสิทธิตามสัญญาประกันภัยให้แก่จำเลยที่ 1 ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้เอาประกันภัยรถบรรทุกคันดังกล่าวไว้กับจำเลยที่ 3 โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยที่ 3รับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ด้วยนั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 3 ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์