คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10694/2551

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดของจำเลยที่ 2 มีประเด็นวินิจฉัย 2 ประเด็น คือ เจ้าพนักงานบังคับคดีส่งประกาศการขายทอดตลาดให้แก่จำเลยที่ 2 โดยชอบหรือไม่ และเจ้าพนักงานบังคับคดีทำการขายทอดตลาดในราคาที่ต่ำเกินสมควรหรือไม่ ซึ่งศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยทั้งสองประเด็นและมีคำสั่งให้ยกคำร้อง จำเลยที่ 2 ยื่นอุทธรณ์คำสั่งฉบับลงวันที่ 21 สิงหาคม 2549 เฉพาะประเด็นเจ้าพนักงานบังคับคดีส่งประกาศการขายทอดตลาดโดยมิชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น อุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ 2 มิใช่ประเด็นที่ร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดโดยอาศัยเหตุตาม ป.วิ.พ. มาตรา 309 ทวิ วรรคสอง แต่เป็นประเด็นที่ร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดโดยอาศัยเหตุอื่นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคสอง ซึ่งไม่อยู่ในบังคับของ มาตรา 309 ทวิ และไม่มีกฎหมายบัญญัติให้คำสั่งศาลชั้นต้นตามมาตรา 296 วรรคสอง เป็นที่สุดการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ 2 ฉบับวันที่ 21 สิงหาคม 2549 และศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 จึงไม่ชอบ

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 356,665.14 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 13.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 325,400 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองจะชำระหนี้แก่โจทก์เสร็จสิ้น โดยจำเลยทั้งสองจะนำเงินไปชำระ ณ ที่ทำการโจทก์และจะผ่อนชำระเป็นงวดรายเดือนทุก ๆ วันที่ 10 ของเดือนติดต่อกันไปเดือนละไม่น้อยกว่า 4,600 บาท เริ่มชำระงวดแรกในวันที่ 10 ธันวาคม 2542 และจำเลยทั้งสองจะชำระให้เสร็จสิ้นภายในกำหนด 2 ปี นับแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2542 และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนที่ศาลไม่สั่งคืนแก่โจทก์และค่าทนายความเป็นเงินจำนวน 2,500 บาท โดยจะนำเงินไปชำระ ณ ที่ทำการโจทก์ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2542 หากจำเลยทั้งสองผิดนัดไม่ชำระหนี้แก่โจทก์งวดใดงวดหนึ่งให้ถือว่าผิดนัดทั้งหมดยินยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทันที หากขายทอดตลาดทรัพย์จำนองได้เงินไม่พอชำระหนี้ยินยอมให้โจทก์ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองออกขายทอดตลาดเอาเงินมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์จนครบถ้วน ต่อมาจำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอม โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดที่ดินของจำเลยที่ 2 ตามโฉนดเลขที่ 40934 ตำบลท่าสองคอน อำเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์
จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด
ผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์คำสั่ง ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 ทวิ วรรคท้าย บัญญัติว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นเป็นที่สุด คำสั่งรับอุทธรณ์จึงเป็นคำสั่งโดยผิดหลงอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 จึงให้เพิกถอนคำสั่งรับอุทธรณ์ และมีคำสั่งใหม่ว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นเป็นที่สุดแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 ทวิ วรรคท้าย จึงไม่รับอุทธรณ์คำสั่ง
จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
จำเลยที่ 2 ฎีกาคำสั่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นให้ยกคำร้อง คำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 4 เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 จึงไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกา
ศาลฎีกามีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยที่ 2 ไว้พิจารณาโดยให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยที่ 2 ฉบับลงวันที่ 18 มกราคม 2550 ไว้พิจารณา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ 2 ฉบับลงวันที่ 21 สิงหาคม 2549 และศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 นั้น ชอบหรือไม่ เห็นว่า จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดโดยอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีส่งประกาศการขายทอดตลาดโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จำเลยที่ 2 จึงไม่ทราบกำหนดวันนัดขายทอดตลาด และเจ้าพนักงานบังคับคดีทำการขายทอดตลาดในราคาที่ต่ำเกินสมควรอันเกิดจากการคบคิดกันฉ้อฉลในระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องในการสู้ราคากับเจ้าพนักงานบังคับคดีหรือเกิดจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของเจ้าพนักงานบังคับคดีในการปฏิบัติหน้าที่นั้น ตามคำร้องดังกล่าวมีประเด็นให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัย 2 ประเด็น คือ เจ้าพนักงานบังคับคดีส่งประกาศการขายทอดตลาดให้แก่จำเลยที่ 2 โดยชอบหรือไม่ และเจ้าพนักงานบังคับคดีทำการขายทอดตลาดในราคาที่ต่ำเกินสมควรหรือไม่จะเห็นได้ว่า อุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ 2 ในประเด็นดังกล่าวมิใช่ประเด็นที่ร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดโดยอาศัยเหตุตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 ทวิ วรรคสอง แต่เป็นประเด็นที่ร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดโดยอาศัยเหตุอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง ซึ่งไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 ทวิ และไม่มีกฎหมายบัญญัติให้คำสั่งศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง เป็นที่สุด การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ 2 ฉบับลงวันที่ 21 สิงหาคม 2549 และศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 นั้น จึงไม่ชอบ ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังขึ้น
พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 4 ให้รับอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ 2 ฉบับ ลงวันที่ 2 ฉบับลงวันที่ 21 สิงหาคม 2549 ไว้พิจารณาโดยให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share