แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าเป็นคำวินิจฉัยของพนักงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร แม้ว่าตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง จะบัญญัติให้คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการดังกล่าวเป็นที่สุด ก็มีความหมายเพียงว่า ผู้อุทธรณ์จะอุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าต่อเจ้าพนักงานอื่นของฝ่ายบริหารต่อไปอีกไม่ได้เท่านั้น หากคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าเป็นคำวินิจฉัยที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้อุทธรณ์ย่อมมีสิทธินำคดีมาฟ้องต่อศาลเพื่อขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยดังกล่าวได้ เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องกล่าวอ้างว่า เครื่องหมายการค้าที่โจทก์ขอจดทะเบียนเป็นคำที่มีลักษณะบ่งเฉพาะไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย การที่นายทะเบียนเครื่องหมายการค้ามีคำสั่งปฏิเสธไม่รับจดทะเบียนและคณะกรรมการเครื่องหมายการค้ามีคำวินิจฉัยยืนย่อมไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงเป็นการบรรยายฟ้องว่ามีการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๒๖ ประกอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา ๕๕ แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลย
แม้คำว่า “TIMEWALKER” จะเป็นคำที่ไม่มีความหมายในพจนานุกรม แต่โจทก์ก็บรรยายฟ้องและนำสืบว่า คำว่า “TIMEWALKER” เป็นการนำเอาคำว่า “TIME” และคำว่า “WALKER” มาเรียงต่อกันเกิดเป็นคำใหม่ โจทก์แปลคำดังกล่าวว่า “ผู้เดินเวลาที่มีชีวิต” ซึ่งเป็นการแสดงอยู่ในตัวว่าคำนั้นสามารถแปลความหรือสื่อความหมายได้ หาใช่เป็นคำประดิษฐ์หรือคำใหม่ที่ไม่มีความหมาย และการแปลความของโจทก์ก็เป็นการแปลจากคำว่า “TIME” และคำว่า “WALKER” นั่นเอง เมื่อพจนานุกรมให้ความหมายคำว่า “TIME” ว่าหมายถึง เวลา และคำว่า “WALKER” หมายถึง การเดิน ผู้เดิน หรือผู้ชอบเดิน คำว่า “TIMEWALKER” จึงอาจสื่อถึงความหมายได้หลายประการ การที่โจทก์แปลความว่า “ผู้เดินเวลาที่มีชีวิต” ก็อาจเป็นไปได้ตามความมุ่งหมายของโจทก์ และขณะเดียวกันคำว่า “TIMEWALKER” ก็สื่อถึงความหมายว่า ผู้เดินเวลา หรือเครื่องมือที่เดินตามเวลา ทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจถึงนาฬิกาซึ่งเป็นเครื่องบอกเวลาได้เช่นกัน เมื่อโจทก์นำมาใช้กับสินค้าจำพวกที่ ๑๔ รายการสินค้า นาฬิกาข้อมือ นาฬิกาพก และนาฬิกาแขวน จึงถือได้ว่าคำว่า “TIMEWALKER” เป็นคำที่บรรยายลักษณะหรือคุณสมบัติของสินค้าจำพวกนาฬิกาของโจทก์อันเป็นการเล็งถึงลักษณะหรือคุณสมบัติของสินค้าโดยตรงตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๗ วรรคสอง (๒) คำดังกล่าวจึงไม่มีลักษณะบ่งเฉพาะ อันจะพึงรับจดทะเบียนได้ตามมาตรา ๖
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามหนังสือเลขที่ พณ 0704/29275 และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าที่ 671/2547 ที่ไม่รับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าคำว่า “TIMEWALKER” ของโจทก์ ให้นายทะเบียนเครื่องหมายการค้าดำเนินการเพื่อรับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าคำว่า “TIMEWALKER” ของโจทก์ตามคำขอเลขที่ 500727 ตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 ต่อไป
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามหนังสือที่ พณ 0705/29275 ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2546 และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าที่ 671/2547 ที่ไม่รับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าคำว่า “TIMEWALKER” ของโจทก์ และให้นายทะเบียนเครื่องหมายการค้าดำเนินการเกี่ยวกับคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าคำว่า “TIMEWALKER” ของโจทก์ตามคำขอเลขที่ 500727 ต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นโดยโจทก์และจำเลยไม่โต้แย้งกันว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายของประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี โจทก์ประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปกรณ์เครื่องเขียนและของใช้ส่วนตัวที่ทำจากโลหะและหนัง โดยใช้เครื่องหมายการค้ารูปดาวห้าแฉกมนกลม และคำว่า “MONTBLANC” ต่อมาโจทก์ใช้เครื่องหมายการค้าอื่น ๆ ด้วย โดยใช้เครื่องหมายการค้าคำว่า “TIMEWALKER” กับสินค้าจำพวกนาฬิกา และนำออกจำหน่ายในร้านค้าของโจทก์ในประเทศต่าง ๆ ประมาณ 70 ประเทศทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทย โจทก์ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า “TIMEWALKER” ไว้ในต่างประเทศหลายประเทศตั้งแต่ พ.ศ.2545 เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2545 โจทก์ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าคำว่า “TIMEWALKER” เพื่อใช้กับสินค้าจำพวกที่ 14 รายการสินค้า นาฬิกาข้อมือ นาฬิกาพก นาฬิกาแขวน กระดุมข้อมือเสื้อ แหวน กำไลมือ ต่างหู สร้อยคอ และเข็มกลัดประดับ ตามคำขอเลขที่ 500727 ต่อมานายทะเบียนเครื่องหมายการค้ามีคำสั่งปฏิเสธการรับจดทะเบียนเพราะเห็นว่าเครื่องหมายการค้าดังกล่าวไม่มีลักษณะบ่งเฉพาะ ตามมาตรา 7 เพราะคำว่า “TIME” แปลว่า เวลา และคำว่า “WALKER” แปลว่า ผู้เดิน เมื่อนำไปใช้กับสินค้าที่ยื่นคำขอนับว่าเป็นคำที่เล็งถึงลักษณะหรือคุณสมบัติของสินค้า โจทก์ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า คณะกรรมการเครื่องหมายการค้าพิจารณาอุทธรณ์ของโจทก์แล้วมีมติให้ยืนตามคำสั่งของนายทะเบียนและให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยประการแรกว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าเป็นคำวินิจฉัยของพนักงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารแม้ว่าตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 18 วรรคหนึ่ง จะบัญญัติให้คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการดังกล่าวเป็นที่สุดก็มีความหมายเพียงว่า ผู้อุทธรณ์จะอุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าต่อเจ้าพนักงานอื่นของฝ่ายบริหารต่อไปอีกไม่ได้เท่านั้น หากคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าเป็นคำวินิจฉัยที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้อุทธรณ์ย่อมมีสิทธินำคดีมาฟ้องต่อศาลเพื่อขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยดังกล่าวได้ ซึ่งในการพิจารณาความถูกต้องตามกฎหมายหรือความไม่ชอบด้วยกฎหมายนี้ ศาลย่อมต้องมีอำนาจพิจารณาเหตุผลของคำวินิจฉัยหรือคำสั่งว่าได้วินิจฉัยไปโดยชอบด้วยข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานและถูกต้องด้วยกฎหมายตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 หรือไม่ด้วย เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องกล่าวอ้างว่า เครื่องหมายการค้าที่โจทก์ขอจดทะเบียนเป็นคำที่มีลักษณะบ่งเฉพาะไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย การที่นายทะเบียนเครื่องหมายการค้ามีคำสั่งปฏิเสธไม่รับจดทะเบียนและคณะกรรมการเครื่องหมายการค้ามีคำวินิจฉัยยืนย่อมไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงเป็นการบรรยายฟ้องว่ามีการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลย อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
มีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยประการต่อไปว่า เครื่องหมายการค้าคำว่า “TIMEWALKER” เป็นคำที่เล็งถึงลักษณะหรือคุณสมบัติของสินค้าโดยตรงอันเป็นคำที่ไม่มีลักษณะบ่งเฉพาะตามมาตรา 7 วรรคสอง (2) แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 หรือไม่ เห็นว่า แม้คำว่า “TIMEWALKER” จะเป็นคำที่ไม่มีความหมายในพจนานุกรม แต่โจทก์ก็บรรยายฟ้องและนำสืบว่า คำว่า “TIMEWALKER” เป็นการนำเอาคำว่า “TIME” และคำว่า “WALKER” มาเรียงต่อกันเกิดเป็นคำใหม่ โจทก์แปลคำดังกล่าวว่า “ผู้เดินเวลาที่มีชีวิต” ซึ่งเป็นการแสดงอยู่ในตัวว่าคำนั้นสามารถแปลความหรือสื่อความหมายได้ หาใช่เป็นคำประดิษฐ์หรือคำใหม่ที่ไม่มีความหมาย และการแปลความของโจทก์ก็เป็นการแปลจากคำว่า “TIME” และคำว่า “WALKER” นั่นเอง เมื่อตามพจนานุกรม A NEW ENGLISH DICTIONARY ให้ความหมายคำว่า “TIME” ว่าหมายถึง เวลา และคำว่า “WALKER” หมายถึง การเดิน ผู้เดิน หรือผู้ชอบเดิน คำว่า “TIMEWALKER” จึงอาจสื่อถึงความหมายได้หลายประการ การที่โจทก์แปลความว่า “ผู้เดินเวลาที่มีชีวิต” ก็อาจเป็นไปได้ตามความมุ่งหมายของโจทก์ และขณะเดียวกันคำว่า “TIMEWALKER” ก็สื่อถึงความหมายว่า ผู้เดินเวลา หรือเครื่องมือที่เดินตามเวลา ทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจถึงนาฬิกาซึ่งเป็นเครื่องบอกเวลาได้เช่นกัน เมื่อโจทก์นำมาใช้กับสินค้าจำพวกที่ 14 รายการสินค้า นาฬิกาข้อมือ นาฬิกาพก และนาฬิกาแขวน จึงถือได้ว่าคำว่า “TIMEWALKER” เป็นคำที่บรรยายลักษณะหรือคุณสมบัติของสินค้าจำพวกนาฬิกาของโจทก์ อันเป็นการเล็งถึงลักษณะหรือคุณสมบัติของสินค้าโดยตรงตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 7 วรรคสอง (2) คำดังกล่าวจึงไม่มีลักษณะบ่งเฉพาะอันจะพึงรับจดทะเบียนได้ตามมาตรา 6 ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางให้นายทะเบียนเครื่องหมายการค้าดำเนินการเกี่ยวกับคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า “TIMEWALKER” ของโจทก์นั้น ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ