แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
หนี้เงินกู้ยืมเกินกว่าห้าสิบบาทไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมไว้เป็นหนังสือเป็นหนี้ที่ไม่อาจฟ้องร้องบังคับกันได้ตามกฎหมาย การที่จำเลยออกเช็คพิพาทเปลี่ยนเอาเช็คเดิมซึ่งจำเลยออกให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้เงินยืมและโจทก์มิได้นำเข้าเรียกเก็บเงินเช็คพิพาทจึงเป็นเช็คที่ออกเพื่อชำระหนี้เงินกู้ยืมดังกล่าวไม่เป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2534 มาตรา 4
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาโดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า การที่จำเลยออกเช็คพิพาทให้แก่โจทก์ และต่อมาเมื่อเช็คถึงกำหนดธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินการกระทำของจำเลยจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2534 มาตรา 4 หรือไม่ ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวศาลฎีกาจำต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนว่า เช็คพิพาทสามฉบับตามฟ้องเป็นเช็คส่วนหนึ่งที่จำเลยออกให้แก่โจทก์แลกเปลี่ยนกับเช็คจำนวนเจ็ดฉบับเดิมที่จำเลยออกให้โจทก์เพื่อชำระหนี้เงินยืมจำนวน 1,300,000 บาทที่จำเลยกู้ยืมไปจากโจทก์ ซึ่งเช็คจำนวนเจ็ดฉบับดังกล่าวมิได้นำไปเรียกเก็บเงิน และการกู้ยืมเงินดังกล่าวไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือเมื่อเช็คพิพาทถึงกำหนดธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินทั้งสามฉบับ พิเคราะห์แล้วพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2534 บัญญัติว่า “ผู้ใดออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย โดยมีลักษณะหรือมีการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
(1)…
…..ฯลฯ…..
เมื่อได้มีการยื่นเช็คเพื่อให้ใช้เงินโดยชอบด้วยกฎหมายถ้าธนาคารปฏิเสธไม่ใช้เงินตามเช็คนั้น ผู้ออกเช็คมีความผิด…”ส่วนการกู้ยืมเงินกันนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “การกู้ยืมเงินกว่าห้าสิบบาทขึ้นไปนั้นถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่” หนี้เงินกู้ยืมระหว่างโจทก์กับจำเลยมีจำนวนเกินกว่าห้าสิบบาท เมื่อไม่มีการทำหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินไว้เป็นหนังสือจึงเป็นหนี้ที่ไม่อาจฟ้องร้องบังคับกันได้ตามกฎหมายการที่จำเลยออกเช็คพิพาทเปลี่ยนเอาเช็คเดิมจำนวน 7 ฉบับ ซึ่งจำเลยออกให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้เงินยืมและโจทก์มิได้นำเช็คทั้ง 7 ฉบับ เข้าเรียกเก็บเงิน เช็คพิพาททั้งสามฉบับจึงเป็นเช็คที่ออกเพื่อชำระหนี้เงินกู้ยืมดังกล่าว แม้ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน การกระทำของจำเลยก็ไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ศาลล่างทั้งสองพิพากษาคดีชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน