แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าของห้องแถวสั่งให้จำเลย 3 คน ซึ่งเป็นลูกจ้างรื้อหลังคาและตัดส่วนที่เป็นกันสาดของห้องแถวที่เกิดเหตุ โดยอยู่ในที่เกิดเหตุและอำนวยการด้วย ผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เช่าก็อยู่ในห้องแถวที่เกิดเหตุโดยไม่ได้ทักท้วงห้ามปรามอย่างใด ย่อมเป็นเหตุให้จำเลยเชื่อโดยสุจริตว่าเจ้าของห้องแถวมีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะสั่งการให้จำเลยกระทำการดังกล่าวได้ การกระทำของจำเลยจึงขาดเจตนาที่จะกระทำความผิดฐานบุกรุก ไม่เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 365
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยที่ 1 และจำหน่ายคดีชั่วคราว พิพากษาว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 365,83 ลงโทษตามมาตรา 365 ซึ่งเป็นหนัก ปรับคนละ 500 บาท ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 ขาดเจตนาที่จะกระทำผิดในทางอาญาจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 เป็นเพียงผู้รับจ้าง น่าจะไม่มีเจตนากระทำผิดเช่นเดียวกันพิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ว่า นายจิวฮ้อ แซ่คู และนายอิ่ม แซ่ลี้ ผู้เสียหาย ทั้งสองได้เช่าห้องแถวที่เกิดเหตุเลขที่ 255 และ 256 ตามลำดับจากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าของห้องดังกล่าวและเจ้าของตลาดยิ่งเจริญ ถนนพหลโยธิน เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2521 เวลาประมาณ 9 นาฬิกา จำเลยที่ 1 ได้สั่งการให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ซึ่งเป็นลูกจ้างรื้อหลังคาสังกะสีและตัดส่วนที่เป็นกันสาดของห้องแถวที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ขณะกระทำการดังกล่าวคงมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าจำเลยทั้งสามได้กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงจากหลักฐานพยานโจทก์ฟังได้ต่อไปว่าจำเลยที่ 1 ได้สั่งการให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 กระทำการดังกล่าวแก่ห้องแถวที่เกิดเหตุโดยจำเลยที่ 1 อยู่ในที่เกิดเหตุและอำนวยการด้วย จำเลยทั้งสามได้กระทำการดังกล่าวในเวลากลางวันโดยเปิดเผย และนายอิ่ม แซ่ลี้ ผู้เสียหายก็อยู่ในห้องแถวที่เกิดเหตุในขณะนั้นด้วยโดยไม่ปรากฏว่าได้ทักท้วงห้ามปรามจำเลยทั้งสี่แต่อย่างใด พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าของห้องแถวที่เกิดเหตุและผู้เสียหายดังกล่าวซึ่งเป็นผู้เช่าห้องแถวที่เกิดเหตุย่อมเป็นเหตุให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 เชื่อโดยสุจริตว่าจำเลยที่ 1 มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะสั่งการให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 กระทำการตามฟ้องได้ การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงขาดเจตนาที่จะกระทำความผิดฐานบุกรุก ไม่เป็นความผิดในข้อหานี้ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในผล ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน