แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
มีความประสงค์และแสดงเจตนาจะขายส่วนหนึ่งของที่ดินทางด้านตะวันตก แต่ผู้ขายอ่านหนังสือไม่ออก เซ็นแต่ชื่อในสัญญาซื้อขายไปโดยสำคัญผิดเป็นขายทางด้านตะวันออก ถือว่าเป็นการสำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรม ตกเป็นโมฆะ
การฟ้องขอให้ทำลายนิติกรรมสัญญาซื้อขายที่ตกเป็นโมฆะนั้นผู้ขายนำคดีมาฟ้องเกิน 1 ปีได้ไม่ขาดอายุความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน 1 แปลง เมื่อเดือน 12 พ.ศ. 95 จำเลยได้ขอซื้อที่ดินเฉพาะทางด้านทิศตะวันตกเพื่อปลูกบ้านอยู่ 1 หลังกว้าง 5 วา ลึก 1 วา ราคา 3,000 บาท วันที่ 27 พ.ย. 95 จำเลยให้โจทก์ลงชื่อและมอบเงิน 1,000 บาทให้โจทก์กับสั่งว่าเงินอีก 2,000 บาทจำเลยจะชำระให้นอกที่ว่าการอำเภอ เพื่อมิต้องเสียอากรแสตมป์ โจทก์เป็นกรรมกรไม่รู้หนังสือ เซ็นได้แต่ชื่อและไม่รู้ระเบียบ เชื่อว่าเป็นการซื้อขายที่ดินตามที่ตกลงกันจึงปฏิบัติตาม ต่อมาโจทก์เตือนให้จำเลยจัดการรังวัดเพื่อทำการซื้อขายกัน จำเลยผัดผ่อนจนเดือน ส.ค. 96 โจทก์ทราบว่าจำเลยได้บอกขายที่ดินทางทิศตะวันออกของโจทก์ซึ่งกว้าง 15 วา ยาว 25 วาโจทก์จึงทราบว่าจำเลยให้โจทก์ลงชื่อในหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินให้จำเลยผิดจากที่ตกลงกัน จึงขอให้ศาลสั่งว่าสัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างโจทก์จำเลยเป็นโมฆะ
จำเลยให้การว่าได้ขอซื้อที่ดินโจทก์กว้าง 15 วาลึก 25 วาตกลงราคากัน 1,000 บาท โจทก์ได้ยื่นเรื่องราวจะซื้อขายที่ดินที่จำเลยตกลงจะซื้อ ได้ทำการรังวัดและปิดประกาศแล้ว ไม่มีผู้ใดคัดค้าน อำเภอได้ทำสัญญาซื้อขายให้และชำระเงินกันแล้ว และว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความและให้ทำลายนิติกรรมสัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์จำเลย
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์มีความประสงค์และแสดงเจตนาจะขายที่ดินทางด้านตะวันตก กว้าง 5 วา ลึก 15 วา ในราคา 3,000 บาทซึ่งเป็นราคาพอสมควร มิใช่มีความประสงค์และแสดงเจตนาจะขายที่ดินแปลงด้านตะวันออก กว้าง 15 วา ลึก 25 วา ให้จำเลยในราคา 3,000 บาทเพราะถูกมากไป การที่โจทก์ยอมเซ็นชื่อในสัญญาซื้อขายที่ดินตอนนี้ให้จำเลยก็โดยสำคัญผิด เพราะอ่านหนังสือไม่ออกและเชื่อใจจำเลย การสำคัญผิดนี้เป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรม จึงตกเป็นโมฆะตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 119 และโจทก์นำคดีมาฟ้องจากวันที่ทราบเป็นเวลา1 ปีเศษ ก็ไม่ขาดอายุความ พิพากษายืน