คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 887/2484

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าพนักงานเข้าตรวจจับสุราและฝิ่นที่บ้านจำเลยที่ 1 โดยไม่ได้แสดงหมายตั้งและแต่งกายอย่างราษฎรธรรมดา จำเลยที่ 1 หนีออกไปและร้องโวยวายขึ้นจำเลยที่ 3 อยู่คนละบ้านกันได้มาช่วยทำร้ายเจ้าพนักงานโดยเข้าใจผิดว่าเป็นผู้ร้าย แล้วไปแจ้งเหตุต่อผู้ใหญ่บ้านไว้ เมื่อจำเลยเข้าใจผิดโดยจริงใจว่าเจ้าพนักงานเป็นผู้ร้ายเช่นนี้การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ไม่เป็นผิดฐานทำร้ายเจ้าพนักงาน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑,๒ มีฝิ่นและกล้องสูบฝิ่น สูบฝิ่นและจำหน่ายฝิ่นโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยที่ ๑,๒,๓ มีปืน ๒ กระบอกโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าพนักงานทำการจับกุมจำเลยที่ ๑,๒ ฐานมีฝิ่นและสูบฝิ่น จำเลยที่ ๑,๓,๔ ใช้อาวุธอย่างอื่นและปืนทำร้ายและพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน เจ้าพนักงานได้รับบาดเจ็บสาหัส ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ ๑ ผิดตามมาตรา ๒๕๔ ,๖๐ กฎหมายลักษณอาญาและผิดพระราชบัญญัติฝิ่นจำเลยที่ ๓ ผิดพระราชบัญญัติอาวุธปืนกับกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๒๕๔,๖๐ และ ๒๔๙,๖๐ จำเลยที่ ๒,๔ ไม่ผิด
โจทก์และจำเลยที่ ๓ อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ ๑,๓ อยู่คนละบ้านกัน นายรุตเจ้าพนักงานมาล่อซื้อฝิ่นจากจำเลยที่ ๑ โดยมิได้แสดงหมายแต่งตั้งให้จับกุมและแต่งกายอย่างราษฎรธรรมดาเมื่อจำเลยที่ ๑ หนีออกไปร้องโวยวาย จำเลยที่ ๓ จึงมาช่วยเหลือโดยเชื่อว่านายรุตกับพวกเป็นผู้ร้าย การกระทำของจำเลยที่ ๓ จึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุจึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยที่ ๓ ยังไม่มีความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกายและพยายามฆ่า นอกนี้พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าตามพฤตติการณ์ดังนี้ กระทำให้จำเลยที่ ๓ เข้าใจผิดคิดว่านายรุตกับพวกเป็นผู้ร้าย และเป็นความเข้าใจอย่างจริงใจ เพราะปรากฎว่าจำเลยได้พากันไปแจ้งความต่อผู้ใหญ่บ้านในเรื่องนี้ การกระทำของจำเลยที่ ๓ เท่าที่ได้กระทำไปจึงเป็นการสมควรแก่เหตุแล้ว จะลงโทษไม่ได้ พิพากษายืน

Share