คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2484

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ทำสัญญาเช่าโรงสีมาจากจำเลยปีเศษแล้ว จึงมีคนอื่นมาเข้าหุ้นในการทำโรงสีด้วยนั้น เมื่อจำเลยผิดสัญญาเช่นโจทก์ผู้เดียวก็มีอำนาจฟ้องจำเลยได้

ย่อยาว

คดีนี้ได้ความว่าจำเลยตกลงให้โจทก์ทำสัญญาเช่าโรงสีของจำเลยโดยมีข้อสัญญาว่าถ้าโรงสีชำรุดเสียหายเกินกว่า ๕๐ บาท ผู้ให้เช้ายอมออกค่าเสียหายคนละครึ่งกับผู้เช่า แต่จ้องได้รับอนุญาตจากผู้ให้เช่าเป็นลายลักษณอักษรก่อนซึ่งจะกระทำการซ่อมแซมได้ ต่อมาโจทก์ได้ให้นายทะยีหลายเช่าช่วงไป ในระหว่างที่โรงสีกำลังเดินเครื่องคันสะโล๊กหักทำการสีข้าวไม่ได้ โจทก์จึงแจ้งกับจำเลยขออนุญาตซ่อม จำเลยไม่ยอมโจทก์ได้รับความเสียหายจึงฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
ศาลแพ่งพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาตอบมาว่าเมื่อโจทก์เช้าโรงสีไปจากจำเลยแล้วก็เอาไปเข้าหุ้นกับนายหะยีหลายซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญไม่ได้จดทะเบียนทรัพย์รายนี้จึงตกเป็นทรัพย์สินของหุ้นส่วนโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องคดีนี้แต่ลำพังผู้เดียวตามประมวลแพ่ง ๆ มาตรา ๑๐๔๙
ศาลฎีกาเห็นว่า ประมวลแพ่ง ๆ มาตรา ๑๐๔๙ ที่จำเลยอ้างมาไม่ตรงกับคดีนี้ เพราะถึงหากว่านายหะยีหลายได้เข้ามาเป็นหุ้นส่วนสามัญกับโจทก์ก็เป็นแต่หุ้นส่วนการสีข้าวเท่านั้น ในเรื่องนี้โจทก์ทำสัญญาเช่าโรงสีจากจำเลยมาปีเศษแล้ว นายหะยีหลายจึงเข้าหุ้นด้วยและในสัญญาเช่าก็มีชื่อโจทก์เป็นผู้เช่าแต่ผู้เดียว โจทก์ผู้เป็นคู่สัญญาจึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้ พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share