แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บาดแผลถูกเล็บข่วน 3 แห่งหนังขาดโลหิตชัยเป็นบาดแผลถึงบาดเจ็บ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้จำคุกจำเลย 5 ปี จำเลยฎีกาขอให้ลดโทษฐานปราณีไม่ได้เพราะเป้นข้อเท็จจริง
ย่อยาว
คดีนี้ได้ความว่าจำเลยได้บังอาจใช้กำลังกดศีร์ษะผู้เสียหาย และกระชากสร้อยคอไปจากคอ เป็นเหตุให้ผู้เสียหายถูกเล็บมือจำเลยมีบาดแผลที่คอ ๓ แห่ง โลหิตไหล
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา ๓๐๐ ตอนต้น
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า ควรมีผิดตามมาตรา ๒๙๗ เพราะบาดแผลของผู้เสียหายไม่ถึงบาดเจ็บ
ศาลฎีกาเห็นว่า ในการที่วินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยนั้น จะต้องฟังข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพะยานหลักฐานในสำนวน ศาลฎีกาได้พิเคราะห์คำชัณสูตร์บาดแผลแล้วปรากฏว่า ๑. ตรงท้ายตีนผมตกกว้าง ๘ มิลลิเมตร์ ยาว ๗ เซนติเมตร์ ลึกผิวหนังขาด ๒. ที่คอด้านหน้าใต้ลูกกะเดือดแถบซ้ายกว้าง ๑ เซ็นติเมตร์ ยาว ๑ เซ็นติเมตร์หนังขาด ๓. บ่าซ้ายข้างต้นคอกว้าง ๑ เซ็นติเมตร์ ยาว ๒ เซ็นติเมตร์หนังขาด เป็นรอยถูกของแข็งจิกข่วนเป็นบาดแผลโลหิตขับทั้ง ๓ แผล ได้ความดังนี้เห็นว่าบาดแผลของผู้เสียหายถึงหนังขาดโลหิตชับเป็นบาดแผลถึงบาดเจ็บ ส่วนฎีกาจำเลยอีกข้อว่า จำเลยให้การรับในชั้นสอบสวนศาลมิได้ลดฐานปราณีแก่จำเลยนั้น ข้อนี้เป็นดุลยพินิจของศาลซึ่งเป็นข้อเท็จจริง จำเลยฎีกาไม่ได้ จึงพิพากษายืน