คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 826/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คำร้องขอให้รื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาพิพากษาใหม่ต้องบรรยายรายละเอียดให้ปรากฏชัดแจ้งในคำร้องว่า พยานหลักฐานใหม่มีที่มาอย่างไร และสำคัญแก่คดีอย่างไรก่อน หรือแม้จะไม่มีเอกสารใดแนบมากับคำร้องขอก็ตามก็จะต้องบรรยายรายละเอียดมาดังกล่าวข้างต้นด้วยเมื่อคดีฟังไม่ได้ว่า ผู้ร้องมีพยานหลักฐานใหม่อันชัดแจ้งและสำคัญแก่คดีอย่างใด คำร้องขอของผู้ร้องจึงไม่มีมูล ศาลชอบที่จะมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องได้โดยไม่ต้องทำการไต่สวน แต่การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องโดยมิได้ทำความเห็นไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่ง และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนนั้นไม่ชอบด้วยพ.ร.บ. การรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ. 2526 มาตรา 10เพราะอำนาจในการมีคำสั่งตามคำร้องในคดีนั้นเป็นอำนาจศาลอุทธรณ์อย่างไรก็ตามเมื่อปรากฏว่าคดีนี้ได้ขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแล้ว ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจที่จะมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องได้โดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งใหม่.

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากผู้ร้องซึ่งเป็นจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 7493/2528 หมายเลขแดงที่ 8950/2530 ของศาลชั้นต้น ข้อหาผิดพระราชบัญญัติศุลกากร ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาปรับ 12,029,604.52 บาทไม่ชำระค่าปรับ ถูกกักขังแทนเป็นระยะเวลา 2 ปี ผู้ร้องอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คดีถึงที่สุดเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2532ผู้ร้องถูกกักขังแทนค่าปรับตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2532 ตลอดมาต่อมาวันที่ 13 พฤศจิกายน 2532 ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอให้รื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาพิพากษาใหม่ อ้างว่าสินค้าที่ผู้ร้องรับมานั้นทราบว่า บริษัท ดี.ยู.อีเล็คโทรนิค ได้ส่งมากับเรือชื่อ “ไทยทับทิม”และเสียอากรขาเข้าต่อกรมศุลกากรถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ และค้นพบใบเสร็จรับเงินที่ร้านสมจิตรพาณิชย์และร้านสมศักดิ์พาณิชย์ออกให้แก่ผู้ร้องในการที่ผู้ร้องขอซื้อสินค้าดังกล่าวมาโดยถูกต้องซึ่งจะได้นำเสนอศาลในชั้นไต่สวนคำร้องต่อไป ซึ่งถือว่าผู้ร้องมีพยานหลักฐานใหม่อันชัดแจ้งและสำคัญแก่คดี ซึ่งถ้าได้นำสืบแล้วจะแสดงให้เห็นว่าผู้ร้องไม่ได้กระทำความผิด ขอให้ศาลทำการไต่สวน และมีคำสั่งอนุญาตให้รื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาพิพากษาใหม่ กับขอให้คืนสินค้าของผู้ร้องทั้งหมดที่ถูกริบ หากคืนไม่ได้ขอให้ใช้ราคากับขอให้ชดใช้ค่าทดแทนที่ผู้ร้องถูกกักขังแทนค่าปรับในอัตราที่กำหนดไว้สำหรับการกักขังแทนค่าปรับตามประมวลกฎหมายอาญานับตั้งแต่วันถูกกักขังจนถึงวันที่จะมีการปล่อยตัวผู้ร้องไป
ศาลชั้นต้นตรวจคำร้องแล้ววินิจฉัยว่า พยานหลักฐานที่ผู้ร้องอ้าง ผู้ร้องไม่ได้ส่งสำเนาให้ศาลตรวจสอบว่ามีอยู่จริงหรือไม่ จึงเป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ พยานหลักฐานดังกล่าวมิใช่พยานหลักฐานใหม่อันชัดแจ้งและสำคัญแก่คดี จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาว่า การที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของผู้ร้องโดยไม่ได้ทำการไต่สวนก่อนนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ตามคำร้องของผู้ร้อง ข้อ 2. ระบุว่า เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2532ผู้ร้องได้ทราบว่าบริษัท ดี.ยู.อีเล็คโทรนิค ได้นำสินค้าดังกล่าวมากับเรือชื่อ “ไทยทับทิม” โดยเสียเงินอากรขาเข้าอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ และภายหลังที่นายวิเชียร แสงน้อย เสียชีวิตแล้วซี.เค.อิมปอร์ตก็ยังไมม่มีการขอยกเลิกทะเบียนพาณิชย์ต่อกระทรวงพาณิชย์แต่อย่างใด อีกทั้งเมื่อนายวิเชียร แสงน้อย เสียชีวิตแล้วซี.เค.อิมปอร์ตก็ยังได้มีการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศมาเป็นประจำโดยมีการชำระค่าอากรขาเข้าต่อกรมศุลกากรอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ผู้ร้องยังได้ค้นพบเอกสารใบเสร็จรับเงินที่ร้านสมจิตรพาณิชย์และร้านสมศักดิ์พาณิชย์ออกให้แก่ผู้ร้องในการที่ผู้ร้องขอซื้อสินค้าดังกล่าวอย่างถูกต้อง ซึ่งผู้ร้องจะได้นำเสนอศาลในชั้นไต่สวนคำร้องต่อไป จากคำร้องของผู้ร้องดังกล่าวแล้ว ผู้ร้องได้ร้องขอให้รื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามพระราชบัญญัติการรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ. 2526 โดยอ้างเหตุตามอนุมาตรา 3 แห่งมาตรา 5 ซึ่งมีความว่า มีพยานหลักฐานใหม่อันชัดแจ้งและสำคัญแก่คดีซึ่งถ้าได้นำมาสืบในคดีอันถึงที่สุดนั้น จะแสดงว่าบุคคลผู้ร้องรับโทษอาญาโดยคำพิพากษาถึงที่สุดนั้นไม่ได้กระทำความผิด พิเคราะห์แล้ว จากความในกฎหมายดังกล่าวมุ่งที่จะคุ้มครองผู้สุจริตที่ถูกศาลพิพากษาผิดพลาดไปเนื่องจากเชื่อพยานหลักฐานในคดีก่อน แต่พยานหลักฐานใหม่นี้จะต้องชัดแจ้งและสำคัญแก่คดีอีกด้วย กล่าวคือ ผู้ร้องจะต้องบรรยายรายละเอียดมาให้ปรากฏชัดแจ้งในคำร้องขอว่ามีที่มาอย่างไรและมีความสำคัญต่อคดีอย่างไร หรือหากสามารถแนบเอกสารต่าง ๆ ประกอบคำร้องขอมาด้วยเพื่อให้ศาลได้พิจารณาว่าเป็นพยานหลักฐานใหม่ที่ชัดแจ้งและสำคัญแก่คดีหรือไม่อย่างไรก็ควรแนบมาด้วย แต่ตามคำร้องขอของผู้ร้องระบุแต่เพียงว่า ค้นพบใบเสร็จรับเงินที่ร้านสมจิตรพาณิชย์และร้านสมศักดิ์พาณิชย์ที่ออกให้แก่ผู้ร้องในการที่ผู้ร้องซื้อสินค้าดังกล่าวมาโดยถูกต้อง ซึ่งผู้ร้องมิได้บรรยายรายละเอียดของใบเสร็จรับเงินที่อ้างถึงมาแต่อย่างใด คงกล่าวเพียงว่าจะได้นำเสนอศาลในชั้นไต่สวนคำร้องต่อไป ซึ่งเป็นเพียงบรรยายถึงการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีในชั้นไต่สวนเท่านั้น ที่ผู้ร้องฎีกาว่า ได้บรรยายมาในคำร้องครบถ้วนกระบวนความตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว และตามพระราชบัญญัติการรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ. 2526 ไม่ปรากฏว่า บัญญัติไว้ให้ผู้ร้องต้องเสนอเอกสารตามที่อ้างถึงมาพร้อมกับคำร้องขอนั้นเห็นว่า “ดังได้วินิจฉัยแล้วว่าคำร้องต้องบรรยายรายละเอียดให้ปรากฏชัดแจ้งในคำร้องว่าพยานหลักฐานใหม่มีที่มาอย่างไร และสำคัญแก่คดีอย่างไรก่อน หรือแม้จะไม่มีเอกสารใดแนบมากับคำร้องขอก็ตาม ก็จะต้องบรรยายรายละเอียดมาดังกล่าวข้างต้นด้วย คดีจึงฟังไม่ได้ว่า ผู้ร้องมีพยานหลักฐานใหม่อันชัดแจ้งและสำคัญแก่คดีแต่อย่างใด คำร้องขอของผู้ร้องจึงไม่มีมูล ศาลชอบที่จะมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องได้โดยไม่ต้องทำการไต่สวน แต่การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องโดยมิได้ทำความเห็นไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่ง และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนนั้น ไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติการรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ. 2526 มาตรา 10 เพราะอำนาจในการมีคำสั่งตามคำร้องในคดีนี้นั้น เป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์ อย่างไรก็ตามเมื่อปรากฏว่าคดีนี้ได้ขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแล้ว ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจที่จะมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องได้โดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งใหม่”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และคำสั่งศาลชั้นต้น และให้ยกคำร้องของผู้ร้อง.

Share