คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8188/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ความผิดฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบและฐานเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้การพนันสลากกินรวบ ต่างเป็นความผิดอยู่ในตัวเองไม่เกี่ยวข้องกัน อันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ศาลต้องพิพากษาลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตาม ป.อ. มาตรา 91 ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้างอิง ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยโดยปรับบทกฎหมายเสียให้ถูกต้องได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 แต่เนื่องจากโจทก์มิได้ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยเป็นความผิดรวม 12 กระทง ศาลฎีกาจึงไม่อาจแก้ไขในเรื่องโทษได้เพราะจะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย ต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 212 ประกอบมาตรา 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12, 15 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ริบของกลาง และจ่ายเงินสินบนนำจับตามกฎหมาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12 (1) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบรวม 6 กระทง จำคุกกระทงละ 4 เดือน ฐานเป็นเจ้ามือการพนันสลากกินรวบรวม 6 กระทงจำคุกกระทงละ 4 เดือน รวมจำคุก 48 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 24 เดือน ริบของกลาง ส่วนที่โจทก์ขอให้จ่ายเงินสินบนนำจับนั้น เนื่องจากศาลลงโทษจำเลยโดยมิได้ลงโทษปรับด้วย จึงให้ยกคำขอของโจทก์ในส่วนนี้เสีย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบ และฐานเล่นการพนันสลากกินรวบเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท แต่ละบทมีโทษเท่ากันให้ลงโทษฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบเพียงบทเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกกระทงละ 4 เดือน รวม 6 กระทง จำคุก 24 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุกรวม 12 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษนั้น เห็นว่า จำเลยเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบและเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้โดยกระทำความผิดหลายคราวต่อเนื่องกัน และเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมโพยสลากกินรวบจำนวน 32 แผ่น เงินสด 3,440 บาท กระเป๋าสตางค์ 2 ใบ โดยในกระดาษโพยดังกล่าวมีจำนวนตัวเลขและจำนวนเงินที่รับแทงพนันรวมกันเป็นจำนวนเงินที่สูงและโพยส่วนหนึ่งจัดทำเป็นแบบพิมพ์ เพื่อความสะดวกในการใช้เล่นการพนันสลากกินรวบโดยเฉพาะอีกด้วย พฤติการณ์แสดงว่าจำเลยเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบและเจ้ามือรับกินรับใช้การพนันสลากกินรวบรายใหญ่และกระทำเป็นอาชีพโดยไม่ได้คำนึงว่าการกระทำของตนก่อผลโดยตรงให้ประชาชนลุ่มหลงมัวเมาในอบายมุขอย่างกว้างขวาง กระทบต่อเศษฐกิจ สังคม และความสงบสุขของครอบครัว ทั้งยังเป็นบ่อเกิดอาชญากรรมร้ายแรงอื่นตามมาอีกมากมาย พฤติการณ์แห่งคดีนับว่าร้ายแรง การที่จะรอการลงโทษและกำหนดมาตรการในการคุมประพฤติแก่จำเลยย่อมไม่เหมาะสมกับสภาพความผิดและคงไม่เพียงพอที่จะทำให้จำเลยเกรงกลัวหรือหลาบจำ ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษให้แก่จำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องสรุปได้ความว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยจัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบพนันเอาทรัพย์สินกัน โดยจำเลยเป็นผู้เข้าชักชวนให้ผู้อื่นเข้าเล่นสลากกินรวบและเป็นผู้ขายสลากกินรวบ และจำเลยเข้าร่วมเล่นการพนันสลากกินรวบดังกล่าวโดยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ ทั้งนี้โดยจำเลยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานตามกฎหมาย โดยโจทก์ได้แยกบรรยายฟ้องความผิดแต่ละข้อหาและแต่ละกระทงเป็นข้อ ๆ เรียงลำดับกันไปรวม 12 กระทง ซึ่งความผิดฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่นพนันสลากกินรวบและความผิดฐานเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้การพนันสลากกินรวบนั้น ต่างเป็นความผิดอยู่ในตัวเองไม่เกี่ยวข้องกัน เมื่อคำฟ้องโจทก์ระบุยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบและเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้และจำเลยให้การรับสารภาพ คดีไม่มีการสืบพยาน ข้อเท็จจริงจึงต้องฟังว่าจำเลยได้กระทำความผิดทั้งในฐานเป็นผู้จัดกให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบและฐานเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้การพนันสลากกินรวบอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ซึ่งศาลต้องพิพากษาลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 12 กระทง ตามที่โจทก์ฟ้อง การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาว่าการกระทำของจำเลยฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบและฐานเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้การพนันสลากกินรวบเป็นความผิดกรรมเดียวรวม 6 กระทง นั้น จึงไม่ถูกต้อง ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้างอิง ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยโดยปรับบทกฎหมายเสียให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 แต่เนื่องจากโจทก์มิได้ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยเป็นความผิดรวม 2 กระทง ศาลฎีกาจึงไม่อาจแก้ไขในเรื่องโทษให้ผิดไปจากที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษามาได้ เพราะจะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 ประกอบมาตรา 225”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบ และฐานเล่นการพนันสลากกินรวบเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันรวม 12 กระทง ส่วนโทษและนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5

Share