คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2139/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยออกหนังสือให้แก่บ. มีข้อความว่า”21มกราคม2525เรียนผู้จัดการโรงงานปทุมกระสอบจำกัดตามหนังสือนี้กรุณาให้รถบรรทุกรับกระสอบข้าวสารขนาด29″x43″จำนวน7,500ใบ(เจ็ดพันห้าร้อยใบถ้วน)และให้คนขับรถบรรทุกที่มารับกระสอบเซ็นชื่อไว้เป็นหลักฐานด้วยขอแสดงความนับถือบุญ(นายบุญธรรมจักร์กุล)”บ. นำหนังสือดังกล่าวไปชำระราคาค่าปอแก่โจทก์เมื่อปรากฏว่าบ. ยังมิได้ชำระราคาค่ากระสอบข้าวสารการที่บ. มอบหนังสือดังกล่าวแก่โจทก์จึงหาก่อให้เกิดสิทธิที่จะบังคับจำเลยให้จ่ายกระสอบข้าวสารจำนวนดังกล่าวให้โจทก์ไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อเดือนมกราคม 2525 จำเลยสั่งจ่ายจ่ายตั๋วกระสอบข้าวสาร ลงวันที่ 21 มกราคม 2525 ชำระหนี้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด เต็กเซ็งกสิกรรม โดยให้ผู้ถือตั๋วไปรับกระสอบข้าวสารขนาด 29 นิ้ว คูณ 43 นิ้ว จำนวน 7,500 ใบ จากบริษัทปทุมกระสอบ จำกัด ตามประเพณีทางการค้า ตั๋วกระสอบข้าวสารดังกล่าวสามารถโอนเปลี่ยนมือกันได้โดยไม่ต้องทำการโอนเป็นหนังสือและแจ้งให้ลูกหนี้ทราบ ผู้ใดเป็นผู้ทรงตั๋วกระสอบข้าวสารก็นำไปรับกระสอบข้าวสารจากโรงงานตามคำสั่งที่ระบุไว้ในตั๋วกระสอบข้าวสารนั้นได้ ต่อมาเมื่อประมาณกลางเดือนมกราคม 2525 ห้างหุ้นส่วนจำกัดเต็งเซ็งกสิกรรม โอนตั๋วกระสอบข้าวสารนั้นชำระหนี้ค่าซื้อปอแก่โจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงตั๋วกระสอบข้าวสารดังกล่าวโดยชอบ เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2525 โจทก์นำตั๋วกระสอบข้าวสารนั้นไปขอรับกระสอบข้าวสารจำนวน 7,500 ใบ จากโรงงานปทุมกระสอบ จำกัด แต่โรงงานปทุมกระสอบ จำ่กัด ปฏิเสธการจ่ายกระสอบโดยอ้างว่า “ให้ติดต่อกับคุณบุญใหม่” โจทก์มอบอำนาจให้ทนายความมีหนังสือบอกกล่าวจำเลยให้ส่งมอบกระสอบข้าวสารดังกล่าวภายใน 15 วัน นับจากวันที่จำเลยได้รับหนังสือบอกกล่าว จำเลยได้รับหนังสือแล้วเพิกเฉยขอให้บังคับจำเลยชดใช้กระสอบข้าวสารขนาด 29 นิ้ว คูณ 43 นิ้ว จำนวน 7,500 ใบพร้อมดอกเบี้ยเป็นเงิน 1,406 บาท แก่โจทก์ หากจำเลยไม่ชดใช้กระสอบข้าวสารก็ให้ใช้เงินค่ากระสอบข้าวสารพร้อมด้วยดอกเบี้ยเป็นเงิน 113,906 บาท และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงินจำนวน 112,500 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ด้วย
จำเลยให้การว่า เอกสารท้ายฟ้องที่โจทก์เรียกว่าตั๋วกระสอบข้าวสารนั้น ความจริงไม่ใช่ตั๋วกระสอบข้าวสาร ไม่ใช่หลักฐานแสดงการเป็นเจ้าของสินค้าและไม่ได้ระบุราคาสินค้าไว้ ไม่มีกฎหมายรับรองให้โอนเปลี่ยนมือกันได้โดยไม่ต้องทำการโอนเป็นหนังสือและแจ้งให้ลูกหนี้ทราบ เอกสารดังกล่าวเป็นหนังสือที่จำเลยออกให้นายเพียวเตี้ยแซ่ลี้ เพื่อให้นายเพียวเตี้ย แซ่ลี้ หรือตัวแทนไปรับกระสอบข้าวสารจากบริษัทปทุมกระสอบ จำกัด ได้เท่านั้น เมื่อนายเพียวเตี้ย แซ่ลี้ไม่ชำระเงินราคากระสอบข้าวสารตามที่สั่งซื้อ จำเลยจึงห้ามบริษัทประทุมกระสอบ จำกัด จ่ายกระสอบข้าวสารแก่ผู้ถือหนังสือโจทก์ฟ้องโดยใช้สิทธิไม่สุจริต ขอให้ยกฟ้องและให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชดใช้กระสอบข้าวสารขนาด 29 นิ้วคูณ 43 นิ้ว จำนวน 7,500 ใบแก่โจทก์ หากจำเลยไม่ชดใช้กระสอบข้าวสารจำนวนดังกล่าว ก็ให้จำเลยใช้เงินจำนวน 112,500 บาทแก่โจทก์กับให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน112,500 บาท นับแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2525 ไปจนกว่าจำเลยจะชดใช้กระสอบข้าวสารหรือราคากระสอบข้าวสารแก่โจทก์เสร็จ และให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมโดยกำหนดค่าทนายความ 1,000 บาท แก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนจำเลยโดยกำหนดค่าทนายทั้งสองศาลเป็นเงิน 2,000 บาท
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยออกหนังสือตามเอกสารหมาย จ.3 หรือ ล.1 มอบให้นายบ้วย แล้วนายบ้วนนำไปชำระราคาค่าปอแก่โจทก์ หนังสือดังกล่าวมีข้อความว่า “21 มกราคม 2525เรียน ผู้จัดการโรงงานปทุมกระสอบ จำกัด ตามหนังสือนี้ กรุณาให้รถบรรทุกรับกระสอบข้าวสารขนาด 29″ x 43″ จำนวน 7,500 ใบ(เจ้ดพันห้าร้อยใบถ้วน) และให้คนขับรถบรรทุกที่มารับกระสอบเซ็นชื่อไว้เป็นหลักฐานด้วย ขอแสดงความนับถือ บุญ (นายบุญ ธรรมจักร์กุล)”ปัญหาที่โจทก์และจำเลยโต้เถียงกันคือ โจทก์อ้างว่าหนังสือดังกล่าวเป็นตั๋วกระสอบข้าวสาร โอนเปลี่ยนมือไปยังผู้อื่นได้ด้วยการส่งมอบผู้ถือตั๋วนำไปรับกระสอบข้าวสารตามจำนวนที่ระบุไว้ในตั๋วได้ทันทีและนายบ้วยชำระราคาค่ากระสอบข้าวสารนั้นแก่จำเลยแล้ว โดยโจทก์มีนายวิชัย จรัสกุลางกูร หุ้นส่วนผู้จัดการของโจทก์เบิกความว่าการที่จำเลยออกเอกสารหมาย จ.3 ให้นายบ้วยจำเลยกับนายบ้วยจะมีข้อตกลงกันอย่างไรไม่ทราบ เชื่อว่าจำเลยต้องได้รับเงินราคากระสอบข้าวสารจำนวน 7,500 ใบ ตามหนังสือนั้นแล้ว จำเลยจึงออกหนังสือดังกล่าวให้นายบ้วย ส่วน นายบุญ ธรรมาจักร์กุล กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยเบิกความว่า หนังสือดังกล่าวมิใช่ตั๋วกระสอบข้าวสารเป็นเพียงหนังสือที่จำเลยมีไปถึงผู้จัดการโรงงานกระสอบขอร้องให้จ่ายกระสอบข้าวสารแก่นายบ้วยก่อน ซึ่งนายบ้วยจะต้องชำระราคากระสอบข้าวสารตามหนังสือนั้นแก่จำเลยภายใน 7 วัน ภายหลังจากวันที่นายบ้วยรับกระสอบข้าวสารไปและเมื่อนายบ้วยนำหนังสือนั้นไปขอรับกระสอบข้าวสารโรงงานกระสอบจะสอบถามจำเลยก่อนว่าจำเลยได้รับชำระราคาค่ากระสอบข้าวสารนั้นแล้วหรือไม่ หากจำเลยรับรองการจ่ายเงินแก่โรงงานกระสอบ โรงงานกระสอบจึงจ่ายกระสอบข้าวสารแก่ผู้ขอรับเมื่อมีผู้ไปขอรับกระสอบข้าวสารตามหนังสือดังกล่าว โรงงานกระสอบสอบถามจำเลย ปรากฎว่านายบ้วยค้างชำระราคาค่ากระสอบข้าวสารงวดก่อนแก่จำเลยอยู่ จำเลยจึงแจ้งไปยังโรงงานกระสอบให้ระงับการจ่ายกระสอบข้าวสารจำนวน 7,500 ใบนั้น อนึ่ง โจทก์และจำเลยนำสืบข้อเท็จจริงรับกันด้วยว่า ภายหลังจากนายบ้วยติดต่อกับโจทก์และจำเลยเกี่ยวกับกระสอบข้าวสารที่เกิดเป็นคดีนี้แล้ว นายบ้วยมิได้ติดต่อกับโจทก์และจำเลยอีกเลย ตามที่โจทก์และจำเลยนำสืบข้างต้นและตามพฤติการณ์ของนายบ้วยที่หลบหนีไป เห็นว่า โจทก์ไม่มีหลักฐานแสดงว่าจำเลยได้รับชำระราคาค่ากระสอบจำนวน 7,500 ใบนั้นแล้วข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่านายบ้วยได้ชำระราคาค่ากระสอบข้าวสารจำนวน 7,500 ใบ ตามหนังสือเอกสารหมาย จ.3 หรือ ล.1 แก่จำเลยที่โจทก์ฎีกาอ้างว่า การที่จำเลยออกหนังสือตามเอกสารหมาย จ.3 หรือล.1 ให้นายบ้วย แสดงว่านายบ้วยชำระเงินราคาค่ากระสอบแก่จำเลยแล้วนั้น เหตุที่โจทก์อ้างยังไม่เพียงพอที่จะรับฟังดังที่โจทก์ฎีกาเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยออกหนังสือตามเอกสารหมาย จ.3 หรือล.1 ให้นายบ้วยโดยนายบ้วยยังมิได้ชำระราคาค่ากระสอบข้าวสารการที่นายบ้วยมอบหนังสือดังกล่าวแก่โจทก์จึงหาก่อให้เกิดสิทธิแก่โจทก์ที่จะบังคับจำเลยให้จ่ายกระสอบข้าวสารจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์ไม่ |ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องชอบด้วยรูปคดีแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกาเป็นเงิน 1,000 บาทแทนจำเลย”.

Share