คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5547/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเช่าซื้อรถไปจากผู้เสียหาย ต่อมาจำเลยผิดสัญญา ผู้เสียหายจึงบอกเลิกสัญญาและให้จำเลยส่งรถคืน แต่จำเลยกลับเบียดบังยักยอกรถดังกล่าวเป็นของจำเลยโดยไม่ส่งคืน แก่ผู้เสียหายและพารถหลบหนีไปเป็นประโยชน์ของตนโดยทุจริต การกระทำของจำเลยตามคำฟ้องไม่เพียงพอที่จะถือว่าเป็นการเบียดบัง รถของผู้เสียหายเป็นของจำเลยโดยทุจริตอันเป็นความผิดฐานยักยอก หากแต่เป็นเพียงการกระทำที่แสดงถึงการผิดสัญญาในทางแพ่งเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าซื้อรถไปจากผู้เสียหาย ต่อมาจำเลยผิดสัญญาผู้เสียหายจึงบอกเลิกสัญญาและให้จำเลยส่งรถคืน จำเลยซึ่งครอบครองรถของผู้เสียหายได้เบียดบังรถดังกล่าวเป็นของจำเลยโดยไม่ส่งคืนและพารถหลบหนีไปเป็นประโยชน์ของจำเลยโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 และให้จำเลยคืนรถหรือใช้ราคาที่ยังค้างชำระแก่เจ้าของ

ศาลชั้นต้นพิเคราะห์คำบรรยายฟ้องแล้ว เห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดอาญา กรณีเป็นคดีแพ่ง ให้ยกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้โจทก์จะได้บรรยายฟ้องมาด้วยว่าจำเลยไม่นำรถไปคืนให้ผู้เสียหายและพารถหลบหนีไป ก็ยังไม่พอถือว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นการเบียดบังรถของผู้เสียหายเป็นของจำเลยโดยทุจริตอันเป็นความผิดฐานยักยอก แต่เป็นเพียงการผิดสัญญาในทางแพ่งของจำเลยเท่านั้น

พิพากษายืน

Share