แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
สิบตำรวจตรี พ. ตกลงล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยที่ 1 จำนวน 11 ถุง ถุงละ 200 เม็ด นัดส่งมอบที่บ้านของจำเลยที่ 1 ต่อมาหลังจากมีการล่อซื้อตามนัดและสายลับส่งสัญญาณแสดงว่ามีเมทแอมเฟตามีนแล้ว พยานโจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจเดินทางไปยังบ้านของจำเลยที่ 1 เมื่อจำเลยที่ 1 เห็นจึงวิ่งหลบหนีแต่ถูกจับกุมและตรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนรวม 11 ถุง ซุกซ่อนอยู่ในกางเกงด้านหน้าของจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2 และที่ 3 เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมได้อยู่ชั้นบนของบ้าน ดังนี้ โจทก์ไม่มีพยานคนใดเบิกความยืนยันว่าจำเลยที่ 2 มีพฤติการณ์ร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เมทแอมเฟตามีนของกลางจับได้ที่ตัวจำเลยที่ 1 ซึ่งอยู่นอกบ้านส่วนจำเลยที่ 2 อยู่บนบ้าน พฤติการณ์เพียงเท่านี้ ยังไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 6, 7, 8, 15, 26, 65, 66, 76, 102, 103 พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 11, 62 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91ริบของกลาง
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำหน่ายเมทแอมเฟตามีน มีกัญชาไว้ในครอบครอง ปฏิเสธข้อหานำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งเมทแอมเฟตามีน
จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพในข้อหาเป็นคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร โดยฝ่าฝืนกฎหมาย ส่วนข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้การปฏิเสธ
จำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพในข้อหาเป็นคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำหน่ายเมทแอมเฟตามีน มีกัญชาไว้ในครอบครอง ปฏิเสธข้อหานำเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งเมทแอมเฟตามีน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง, 26 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง,76 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำเลยที่ 2และที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 11,62 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำคุกคนละ 20 ปี ฐานร่วมกันมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 3 คนละ 6 เดือน ฐานเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย จำคุกจำเลยที่ 2 และที่ 3 คนละ 2 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 1มีกำหนด 20 ปี 6 เดือน จำคุก จำเลยที่ 2 มีกำหนด 20 ปี 2 เดือน จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 20 ปี 8 เดือน จำเลยที่ 1 และที่ 3 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา คำให้การของจำเลยที่ 2 ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้จำเลยที่ 1 และที่ 3 คนละกึ่งหนึ่งลดโทษให้จำเลยที่ 2 หนึ่งในสี่ คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 10 ปี3 เดือน คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 15 ปี 1 เดือน 15 วัน คงจำคุกจำเลยที่ 3มีกำหนด 10 ปี 4 เดือน ริบเมทแอมเฟตามีนและกัญชาของกลาง ข้อหาและคำขออื่นให้ยก
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 วินิจฉัยข้อหาความผิดฐานร่วมกันมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตว่า ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 2 ไม่มีความผิดฐานร่วมกันมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่กลับปรับบทว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 26 วรรคหนึ่ง, 76 วรรคหนึ่ง เป็นการไม่ถูกต้องพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 ไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 26 วรรคหนึ่ง, 76 วรรคหนึ่งลดโทษให้จำเลยที่ 2 หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78แล้ว คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 13 ปี 5 เดือน 10 วัน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2ว่า จำเลยที่ 2 กระทำความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ โจทก์มีประจักษ์พยานมาเบิกความ 2 ปาก คือร้อยตำรวจเอกไพโรจน์ กุจิรพันธ์ และสิบตำรวจตรีสมพาน มาตุ่น ซึ่งพยานทั้งสองเบิกความทำนองเดียวกันว่า สิบตำรวจตรีไพล๊อต แสงศรีเรือง ได้แจ้งแก่ร้อยตำรวจเอกไพโรจน์ว่า ตกลงล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยที่ 1 จำนวน 11 ถุง ถุงละ200 เม็ด ราคาถุงละ 10,000 บาท รวมเป็นเงิน 110,000 บาท นัดส่งมอบที่บ้านของจำเลยที่ 1 ในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2539 ก่อนเที่ยง ครั้นถึงวันนัดสิบตำรวจตรีไพล๊อตและสายลับ นำเงินไปที่บ้านของจำเลยที่ 1 จนกระทั่งเวลา 11.40 นาฬิกา สายลับส่งสัญญาณทางวิทยุสื่อสารเป็นรหัส 20 20ซึ่งแสดงว่ามีเมทแอมเฟตามีนแล้ว พยานโจทก์ทั้งสองกับพวกจึงเดินทางไปยังบ้านของจำเลยที่ 1 เมื่อจำเลยที่ 1 เห็นพยานโจทก์ทั้งสองกับพวกจึงวิ่งหลบหนี สิบตำรวจตรีสมพานวิ่งไล่ติดตามจับกุมจำเลยที่ 1 ได้ห่างจากบ้าน 100 เมตร ตรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนรวม 11 ถุง จำนวน2,100 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในขอบกางเกงด้านหน้าของจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2และที่ 3 สิบตำรวจตรีไพล๊อตกับพวกจับกุมได้อยู่ชั้นบนของบ้าน เห็นว่าโจทก์ไม่มีพยานคนใดเบิกความยืนยันว่า จำเลยที่ 2 มีพฤติการณ์ร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เมทแอมเฟตามีนของกลางก็จับได้ที่ตัวจำเลยที่ 1 ซึ่งอยู่นอกบ้าน ส่วนจำเลยที่ 2 อยู่บนบ้านพฤติการณ์เพียงเท่านี้ยังไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 2 กระทำความผิดฐานนี้ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4