คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1375/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ประเด็นว่าผู้ร้องใช้สิทธิในการร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวโดยสุจริตหรือไม่นั้น เมื่อผู้ร้องเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากจำเลยถึงแม้ว่าจำเลยจะเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการมีอำนาจกระทำการแทนผู้ร้องโดยประทับตราของผู้ร้องก็ตาม แต่เงินตามบัญชีเงินฝากดังกล่าวเป็นของผู้ร้อง มิใช่ของจำเลยตราบเท่าที่ผู้ร้องยังเป็นนิติบุคคลอยู่ การใช้สิทธิของผู้ร้องไม่ถือว่าเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน818,125 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินจำนวน700,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ในวันเดียวกันนั้นโจทก์ยื่นคำร้องในกรณีมีเหตุฉุกเฉินพร้อมคำขอต่อศาลชั้นต้นเพื่อให้มีคำสั่งกำหนดวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างพิจารณา โดยให้อายัดเงินฝากในบัญชีสะสมทรัพย์เลขที่ 257-095692-6 ของจำเลยที่ฝากไว้กับธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาวารินชำราบ

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้อายัดเงินฝากในบัญชีสะสมทรัพย์ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาวารินชำราบ เลขที่ 257-095692-6ของจำเลย

จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 700,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 11กรกฎาคม 2539 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า บัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ที่ถูกอายัดเป็นของผู้ร้องมิใช่เป็นของจำเลย ขอให้เพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว

โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องใช้สิทธิโดยไม่สุจริตเพราะจำเลยเป็นผู้ดำเนินกิจการในนามผู้ร้องแต่เพียงผู้เดียว โดยนำชื่อผู้อื่นเป็นหุ้นส่วนเพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น การจดทะเบียนตั้งผู้ร้องขึ้นเพื่อประโยชน์ในกิจการรับเหมาก่อสร้างของจำเลยเองทั้งในการกู้ยืมเงินจากโจทก์ จำเลยอ้างว่านำไปลงทุนในกิจการของผู้ร้องจำเลยมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ปรากฏในนามของผู้ร้อง

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ววินิจฉัยว่า ผู้ร้องใช้สิทธิโดยไม่สุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 5 มีคำสั่งให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้อายัดเงินในบัญชีสะสมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)สาขาวารินชำราบ เลขที่ 257-095692-6 ของผู้ร้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้ร้องเป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด มีจำเลยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ มีอำนาจลงลายมือชื่อและประทับตราของผู้ร้องทำการแทนผู้ร้องได้ ผู้ร้องเปิดบัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ไว้กับธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บัญชีเลขที่ 257-095692-6 หลังจากโจทก์ฟ้องจำเลย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งห้ามชั่วคราวมิให้ธนาคารดังกล่าวจำหน่ายจ่ายโอนเงินฝากในบัญชีดังกล่าว ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 700,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยคดีถึงที่สุดมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ผู้ร้องใช้สิทธิในการร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวโดยสุจริตหรือไม่ เห็นว่า ผู้ร้องเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากจำเลย ถึงแม้จำเลยจะเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการมีอำนาจกระทำการแทนผู้ร้องโดยประทับตราของผู้ร้องก็ตามแต่เงินตามบัญชีเงินฝากของผู้ร้องดังกล่าวเป็นของผู้ร้องมิใช่ของจำเลยตราบเท่าที่ผู้ร้องยังเป็นนิติบุคคลอยู่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่าการใช้สิทธิของผู้ร้องไม่ถือว่าใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share