แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา  218  ที่บัญญัติว่า   “ผู้ใดบังอาจใช้ตั๋วอย่างใดๆ  เช่นว่าในมาตรา  217  ที่มันรู้อยู่ว่าเป็นตั๋วปลอมแปลงก็ดี  หรือปรากฎว่ามันมีตั๋วปลอมแปลงเช่นนั้นไว้โดยเจตนาที่จะใช้ก็ดี  ท่านว่ามันมีความผิด”  นั้นย่อมหมายความถึงทุกคนที่บังอาจใช้ตั๋วปลอมแปลงตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 217  โดยไม่จำกัดบุคคลว่าจะต้องไม่ใช่ลูกจ้างของนายจ้างหรือไม่  ก็ย่อมมีความผิดทั้งนั้น  และคำว่าใช้นั้น  หมายความรวมตลอดถึงการจำหน่ายด้วย
คนขายตั๋วเก็บค่าโดยสารรถยนต์โดยสารทั่วไปของบริษัท ๆ หนึ่งบังอาจมีและใช้ตั๋วรถยนต์โดยสารปลอม  โดยนำมาใช้จำหน่ายแก่ผู้โดยสาร  โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นตั๋วปลอมนั้น  คนขายตั๋วย่อมมีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา  218
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า  จำเลยเป็นคนขายตั๋วเก็บค่าโดยสารรถยนต์โดยสารประจำรถยนต์โดยสารสำหรับสาธารณะทั่วไปของบริษัท++รถยนต์เชียงใหม่  จำกัด  บังอาจมีและใช้ตั๋วรถยนต์โดยสารปลอม  โดยจำเลยนำมาใช้จำหน่ายแก่ผู้โดยสารรวม  ๓ ฉะบับ  โดยรู้แล้วว่าเป็นตั๋วปลอม  ขอให้ลงโทษตาม  ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา  ๒๑๘
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า  มาตรา  ๒๑๘  ที่โจทก์ฟ้องนี้  ใช้ลงโทษแก่ผู้โดยสารที่ใช้หรือมี  โดยมีเจตนาจะใช้ตั๋วปลอมแปลงเท่านั้น  ไม่คลุมไปถึงคนขายตั๋วที่ทุจริตต่อนายจ้าง  เอาตั๋วปลอมมาขายแก่ผู้โดยสาร จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำ พิพากษาศาลชั้นต้นให้ดำเนินการพิจารณา  แล้วพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า  ความในมาตรา  ๒๑๘ ก.ม.ลักษณะอาญาที่บัญญัติว่า  “ผู้ใดบังอาจใช้ตั๋วอย่างใดๆ เช่นว่าในมาตรา  ๒๑๗  ที่มันรู้อยู่ว่าเป็นตั๋วปลอมแปลงก็ดี  หรือปรากฎว่ามันมีตั๋วปลอมแปลงเช่นนั้นไว้โดยเจตนาที่จะใช้ก็ดี  ท่านว่ามันมีความผิด”  นั้นย่อมหมายความถึงทุกคนที่บังอาจใช้ตั๋วปลอมแปลง  ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา  ๒๑๗  โดยไม่จำกัดบุคคว่าจะต้องไม่ใช่ลูกจ้างของนายจ้าง  ดังที่จำเลยโต้เถียงมา  จะใช่ลูกจ้างหรือไม่ใช่  ย่อมมีความผิดทั้งนั้น  และคำว่า  +นั้นหมายความรวมตลอดถึงการจำหน่ายด้วย
จึงพิพากษายืน

