คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1371-1372/2495

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายและอัยการต่างเป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยหาว่าพยายามฆ่าผู้เสียหายขอให้ลงโทษ คนละสำนวน ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกันมา โดยพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้อง จำเลยอุทธรณ์แม้จะปรากฎในชั้นอุทธรณ์ว่า ขณะฟ้องผู้เสียหายยังเป็นผู้เยาว์อายุ 19 ปี ไม่มีสิทธิที่จะดำเนินคดีได้โดยลำพังตนเองก็ดี ศาลย่อมให้โอาศแก่คู่ความฝ่ายที่บกพร่องในความสามารถแก้ไขความบกพร่องนั้น หรือศาลช่วยแก้ไขให้เสียเองก็ได้ แต่เมื่อไม่มีการแก้ไข และระยะเวลาล่วงเลยมาถึงขณะที่ศาลอุทธรณ์ฎีกากำลังพิจารณาคดีอยู่ ผู้เสียหายได้เป็นผู้ใหญ่และบรรลุนิติภาวะแล้ว ปัญหาเรื่องบกพร่องในความสามารถของผู้เสียหายโจทก์จึงหมดสิ้นไปและอัยการก็ได้เป็นโจทก์ฟ้องอยู่ด้วยสำนวนหนึ่ง ศาลก็ได้พิจารณาอยู่แล้วดังนี้ ศาลไม่ชอบที่จะยกฟ้องสำนวนที่ผู้เสียหายเป็นโจทก์เพราะเหตุดังกล่าว

ย่อยาว

คดีสองสำนวนพิจารณาพิพากษารวมกันมาโดยอัยการฟ้องหาว่าจำเลยสมคบกันฆ่านายสมนึกผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่าให้ตาย แต่นายสมนึกไม่ตายสมเจตนาของจำเลย และนายสมนึกก็ฟ้องหาว่าจำเลยกระทำโดยความพยาบาทมาดหมายด้วย
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทุกคนมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๒๔๙, ๖๐,. ให้จำคุกคนละ ๑๕ ปี ลดฐานพยายามลง ๑ ใน ๓ คงให้จำคุกคนละ ๑๐ ปี
จำเลยทุกคนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า สำนวนที่นายสมนึกเป็นโจทก์ ขณะฟ้องนายสมนึกมีอายุเพียง ๑๙ ปี ยังไม่ปรากฎว่าบรรลุนิติภาวะแล้ว ยังไม่มีอำนาจนำคดีมาฟ้องด้วยตนเองโดยลำพัง จึงยกฟ้องเฉพาะสำนวนสมนึกเป็นโจทก์ ส่วนสำนวนอัยการเป็นโจทก์ สงสัยคำพยานโจทก์ จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง ปล่อยจำเลยไป
อัยการโจทก์และนายสมนึกโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ขณะฟ้องคดีนี้นายสมนึกยังเป็นผู้เยาว์ บกพร่องในเรื่องความสามารถ ไม่มีสิทธิที่จะคดีโดยลำพังตนเอง แต่เห็นว่าเหตุข้อนี้ไม่ถึงกับศาลจะยกฟ้องเสียทีเดียว เพราะตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๔๕ วรรคต้นและ ๕๖ วรรค ๒ , ๓ และวรรคท้าย ซึ่งอนุโลมนำมาใช้ในกรณีนี้ได้ ศาลย่อมให้โอกาศแก่คู่ความฝ่ายที่บกพร่องในความสามารถแก้ไขความบกพร่องนั้น หรือศาลช่วยแก้ไขเองได้ แต่เมื่อไม่มีการแก้ไข และระยะเวลาล่วงเลยมาถึงขณะนี้ซึ่งนายสมนึกได้เป็นผู้ใหญ่บรรลุนิติภาวะแล้ว ปัญหาเรื่องบกพร่องในความสามารถของนายสมนึกจึงหมดสิ้นไป และกรณีนี้ อัยการก็ได้เป็นโจทก์ฟ้องอยู่ด้วยสำนวนหนึ่ง ศาลได้รวมการพิจารณาอยู่แล้ว ศาลฎีกาจึงไม่เห็นชอบด้วยศาลอุทธรณ์ในการที่ให้ยกฟ้องของนายสมนึกเพราะเหตุดักล่าว
ส่วนข้อเท็จจริง คงฟังว่า จำเลยกระทำผิดจริง จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นทุกประการ

Share