คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1773/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2502เวลากลางวัน โจทก์มอบเงินให้จำเลยไปซื้อกระบือมาให้โจทก์ จำเลยรับรองว่าจะซื้อมาให้ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2503 ครั้นถึงกำหนด จำเลยก็มิได้นำกระบือมาให้ ต่อมาวันที่ 10 มิถุนายน 2503 โจทก์จึงทราบว่าจำเลยได้ยักยอกเอาเงินที่โจทก์มอบให้นั้นเสีย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 ฟ้องเช่นนี้หาได้กล่าวถึงวันเวลาที่จำเลยมีเจตนาทุจริตยักยอกเงินนั้นไม่ จึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2502 เวลากลางวันโจทก์ได้มอบเงินให้จำเลยไปซื้อกระบือมาให้โจทก์ 7,000 บาท จำเลยรับรองว่าจะซื้อกระบือมาให้โจทก์ 7 ตัว และจะนำมาให้โจทก์ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2503 ครั้นถึงกำหนดจำเลยก็มิได้นำกระบือมาให้โจทก์ ต่อมาวันที่ 10 มิถุนายน 2503 โจทก์จึงทราบว่าจำเลยได้มีเจตนาทุจริตยักยอกเอาเงิน 7,000 บาทที่โจทก์มอบให้ไปซื้อกระบือนั้นไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย โจทก์ทวงถามขอเงินคืนจำเลยก็ไม่ให้ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353

ก่อนไต่สวนมูลฟ้อง ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้วสั่งงดการไต่สวน และว่าฟ้องไม่สมบูรณ์ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ว่าฟ้องสมบูรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) คำฟ้องต้องบรรยายรายละเอียดที่เกี่ยวกับวันเวลาที่กระทำผิดด้วย เพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี แต่ฟ้องคดีนี้หาได้กล่าวถึงวันเวลาที่โจทก์หาว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตยักยอกเงินที่โจทก์มอบให้ไปซื้อกระบือไม่ จึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ ที่โจทก์ฎีกาว่า ต้องถือเอาวันที่จำเลยได้รับมอบเงินไปจากโจทก์เป็นวันกระทำผิด เพราะโจทก์ไม่มีทางจะทราบได้ว่าจำเลยเอาเงินไปใช้เสียเมื่อใดนั้นรับฟังไม่ได้ เพราะโจทก์ชอบที่จะระบุวันเวลาที่จำเลยกระทำผิดมาอย่างกว้าง ๆ ว่า ระหว่างวันที่ 10 ตุลาคม 2502 ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2503 หรือว่าถึงวันที่ 10 มิถุนายน 2503 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัดจำเลยได้มีเจตนาทุจริตยักยอก… ดังนี้ก็ได้ พิพากษายืน

Share