แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การมีข้าวไว้ในครอบครองจะมีความผิดต่อเมื่อได้มีประกาศของคณะกรรมการฯ ซึ่งประกาศให้ไปแจ้งปริมาณและสถานที่เก็บ แล้วผู้มีข้าวไม่ไปแจ้ง เพื่อขอรับอนุญาตให้มีภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในประกาศนั้น เมื่อฟ้องของโจทก์ไม่ปรากฏว่าได้มีประกาศของคณะกรรมการเกี่ยวแก่เรื่องนี้แล้ว ฟ้องของโจทก์จึงไม่แสดงให้เห็นเป็นความผิด ลงโทษจำเลยไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีข้าวสาร 1,300 กิโลกรัม จำนวน 13 กระสอบไว้ในครอบครองในเขตซึ่งคณะกรรมการได้ประกาศกำหนดเป็นเขตห้ามกักกันข้าวโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ขอให้ลงโทษและริบของกลาง จำเลยรับสารภาพ ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว 2489 มาตรา 5, 7, 13 พระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว (ฉบับที่ 2) 2489 มาตรา 3, 5 กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 59 ปรับจำเลย 80 บาทริบข้าวของกลางส่วนที่เกิน 1,000 กิโลกรัมนอกนั้นคืนจำเลย
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฟ้องของโจทก์ขาดองค์ประกอบความผิดเป็นฟ้องไม่สมบูรณ์ พิพากษากลับยกฟ้อง คืนข้าวของกลางแก่จำเลย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การมีข้าวไว้ในครอบครอง จะมีความผิดต่อเมื่อได้มีประกาศของคณะกรรมการฯ ซึ่งประกาศให้ไปแจ้งปริมาณและสถานที่เก็บ แล้วผู้มีข้าวไม่ไปแจ้ง เพื่อขอรับอนุญาตให้มี ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในประกาศนั้น แต่ฟ้องของโจทก์ไม่ปรากฎว่า ได้มีประกาศของคณะกรรมการเกี่ยวแก่เรื่องนี้อย่างใดไม่ ฉะนั้นฟ้องของโจทก์จึงไม่แสดงให้เห็นเป็นความผิด ลงโทษจำเลยไม่ได้
พิพากษายืน