คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 409/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ไม้หวงห้ามที่เป็นดุมเกวียนกำเกวียนและกีบเกวียน ซึ่งมีสภาพเป็นเครื่องใช้ และจำเลยมีไว้เพื่อจำหน่ายแก่ผู้ใช้เกวียน เอาไปใช้แทนส่วนที่หักและพร้อมที่จะนำเอาไปใช้ได้ทันทีนั้น นับได้ว่าเป็นเครื่องใช้ประกอบเป็นล้อเกวียนมิใช่เป็นวัตถุที่จะเอาไปเปลี่ยนแปลงทำเป็นสิ่งอื่นต่อไป จึงมิใช่ไม้แปรรูปตามพระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 มาตรา 4 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่3054/2516)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยตั้งโรงงานแปรรูปไม้ด้วยแรงคนเพื่อประดิษฐกรรมในเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยมิได้รับอนุญาต และมีไม้แดงแปรรูป 64 ท่อน ไม้เต็งแปรรูป 2 ท่อน ไม้ประดู่แปรรูป 90 ท่อน รวม 156 ท่อน ปริมาตร 0.58 ลูกบาศก์เมตร เกินกว่า 0.20 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งต้องเสียค่าภาคหลวง 40.20 บาท ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 7, 8, 47, 48, 73, 74, 75 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 5, 17 และขอให้ริบของกลาง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่าจำเลยกระทำผิดจริงตามฟ้องพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 17 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ปรับกระทงละ 1,000 บาท รวมปรับ 2,000 บาท ริบของกลาง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ในข้อหาว่า จำเลยตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น พยานหลักฐานโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต

ส่วนข้อหาว่าจำเลยมีไม้ของกลางซึ่งเป็นไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าของกลางเป็นไม้ดุมเกวียน 25 ชิ้น ทำด้วยไม้ประดู่ 20 ชิ้น และทำด้วยไม้แดง 5 ชิ้น ไม้กำเกวียนทำด้วยไม้ประดู่ 70 ชิ้น ไม้กีบเกวียนทำด้วยไม้แดง 59 ชิ้น และไม้เต็งแปรรูป 2 ท่อน สำหรับไม้ของกลางที่เป็นดุมเกวียน กำเกวียน และกีบเกวียน มีสภาพเป็นเครื่องใช้ และจำเลยมีไว้เพื่อจำหน่าย ลักษณะของไม้ของกลาง เช่น ดุมเกวียน กำเกวียน กีบเกวียน เอาไปใช้แทนส่วนหักได้ และพร้อมที่จะนำไปใช้ได้ทันที แล้ววินิจฉัยว่าไม้ของกลางดังกล่าวเป็นเครื่องใช้ที่ประกอบเป็นล้อเกวียน มิใช่เป็นวัตถุที่จะเอาไปเปลี่ยนแปลงทำเป็นสิ่งอื่นต่อไป ไม้ของกลางเฉพาะที่เป็นดุมเกวียน กำเกวียน และกีบเกวียน จึงมิใช่ไม้แปรรูปตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตร 4(4) ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 4 ตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ 3054/2516 ส่วนไม้ของกลางที่เป็นไม้เต็ง 2 ท่อน แม้จะเป็นไม้หวงห้ามแปรรูป แต่มีปริมาตรไม่เกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งจำเลยมีไว้ในความครอบครองโดยไม่ต้องขออนุญาตต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานมีไม้ของกลางไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

พิพากษายืน

Share