คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2099/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ธนาคาร ค.เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตให้ธนาคารจำเลยที่ 2 จ่ายเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตแก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 มีหนังสือถึงจำเลยที่ 2 ความว่า ขอให้ออกหนังสือถึงตัวแทนโจทก์เพื่อยืนยันว่า เมื่อโจทก์บรรทุกสินค้าลงเรือแล้วจะได้ชำระค่าระวางบรรทุกให้แก่ตัวแทนโจทก์ผู้ขนส่ง จำเลยที่ 2 ได้บันทึกความท้ายหนังสือไว้ว่า จำเลยที่ 2 ขอตอบรับหนังสือของจำเลยที่ 2 ต่อมาจำเลยที่ 1 มีหนังสือถึงจำเลยที่ 2 ขอให้จัดการจ่ายค่าระวางเรือ และหักเงินสำรองไว้จ่ายค่าเสียเวลาเรือ แต่ให้จ่ายต่อเมื่อตัวแทนโจทก์นำใบเสร็จรับเงินมาเก็บจากจำเลยที่ 2 ส่วนเงินที่เหลือให้นำเข้าบัญชีของจำเลยที่ 1 ดังนี้ ความในหนังสือดังกล่าวมิให้เป็นสัญญาที่จำเลยที่ 2 ทำไว้กับจำเลยที่ 1 ว่าจำเลยที่ 2 ยอมรับผิดชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 ให้กับโจทก์ หรือมีการให้สัญญาไว้กับโจทก์หากว่าจำเลยที่ 1 ไม่ชำระหนี้ค่าระวางเรือและค่าเสียเวลาเรือให้แก่โจทก์แล้ว จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์ด้วย แต่เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าของเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตแจ้งให้จำเลยที่ 2 ทราบเกี่ยวแก่การจัดการชำระเงินค่าระวางบรรทุกและค่าเสียเวลาหรือให้กับตัวแทนของโจทก์ประการใดบ้างเท่านั้น ถึงแม้จำเลยที่ 2 จะทราบว่าโจทก์ได้ทราบความหนังสือที่จำเลยที่ 1 มีถึงจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 ก็หามีหน้าที่ต่อโจทก์ไม่ การที่จำเลยที่ 2 โอนเงินค่าเสียเวลาเรือเข้าบัญชีเงินฝากของจำเลยที่ 1ตามคำสั่งของจำเลยที่ 1 ในเวลาต่อมานั้น ไม่เป็นเหตุให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดชอบชำระเงินดังกล่าวต่อโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ว่าจ้างโจทก์ให้บรรทุกไม้ซุงจากประเทศไทยไปประเทศญี่ปุ่นตกลงค่าระวางบรรทุก ๘.๗๕ เหรียญสหรัฐต่อ ๑ ลองตัน และกำหนดว่าจำเลยที่ ๑ จะต้องนำสินค้าบรรทุกลงเรือโจทก์ให้แล้วเสร็จใน ๕ วัน หากบรรทุกได้ล่าช้ากว่าที่กำหนด จำเลยที่ ๑ต้องชดใช้ค่าเสียเวลาให้โจทก์ในอัตรา ๘๐๐ เหรียญสหรัฐต่อหนึ่งวัน หรือตามส่วนของเวลาที่เสียไป จำเลยที่ ๑ นำสินค้าบรรทุกลงเรือแล้วเสร็จล่าช้าไปกว่ากำหนด และเมื่อหักเวลาที่ลดหย่อนให้แล้ว คงเหลือเวลาที่จำเลยที่ ๑ต้องชดใช้ค่าเสียเวลาแก่โจทก์ ๑๐ วัน ๔๐ นาที คิดเป็นเงินไทย ๑๖๘,๔๖๖.๖๒ บาท ก่อนโจทก์ตกลงรับบรรทุกสินค้า โจทก์ของให้จำเลยที่ ๑จัดการให้จำเลยที่ ๒รับรองการจ่ายเงินค่าระวางบรรทุก ค่าเสียเวลา(ถ้าหากมี) ให้แก่โจทก์ ซึ่งจำเลยที่ ๑ตกลงและจัดการให้ โดยมีหนังสือถึงจำเลยที่ ๒ระบุให้จำเลยที่ ๒จ่ายเงินค่าระวางเรือให้แก่โจทก์ กับให้จำเลยที่ ๒ หักเงินค่าสินค้าที่จะต้องจ่ายให้แก่จำเลยที่ ๑ ไว้เป็นเงิน ๒๑๕,๐๐๐ บาท เพื่อสำรองไว้จ่ายเป็นค่าเสียเวลาให้แก่โจทก์ หากมีเงินเหลือให้นำเข้าบัญชีของจำเลยที่ ๑ ซึ่งจำเลยที่ ๒ ตกลงรับปฏิบัติตามนั้น โจทก์ได้แสดงเจตนากับจำเลยที่ ๒ ว่าจะถือเอาประโยชน์ และได้รับเงินค่าระวางบรรทุกไปจากจำเลยที่ ๒ แล้ว ต่อมาโจทก์เรียกร้องเงินค่าเสียเวลา จำเลยที่ ๑ไม่ชำระ และจำเลยที่ ๒ ได้จ่ายเงินค่าเสียหายที่กันเอาไว้ให้จำเลยที่ ๑ ไป ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน ๑๖๘,๔๖๖.๖๒ พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๒ ให้การต่อสู้หลายประการรวมทั้งต่อสู้ว่าจำเลยดำเนินการไปตามคำสั่งของธนาคารไดอิจิ กังโย คือเมื่อจำเลยที่ ๑ปฏิบัติถูกต้องตามเงื่อนไขในเลตเตอร์ออฟเครดิตที่เปิดมา จำเลยที่ ๒ ก็จ่ายเงินให้จำเลยที่ ๑ เรียบร้อยแล้ว จำเลยที่ ๒ ไม่มีนิติสัมพันธ์ใด กับโจทก์ จำเลยที่ ๒ ปฏิบัติตามคำสั่งของจำเลยที่ ๑ที่เป็นเจ้าของเงิน เอกสารที่โจทก์อ้างทำให้เกิดนิติสัมพันธ์ระหว่างจำเลยที่ ๑กับจำเลยที่ ๒ เท่านั้น
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชดใช้เงินตามฟ้องให้โจทก์ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๒
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ธนาคารไดอิจิแห่งประเทศญี่ปุ่นเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตมาให้กับจำเลยที่ ๑ เกี่ยวแก่สินค้าไม้ซุงยาพาราที่จำเลยที่ ๑ส่งไม้ไปให้ผู้ซื้อที่ประเทศญี่ปุ่น ให้ธนาคารจำเลยที่ ๒ จ่ายเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตแก่จำเลยที่ ๑ และโดยผลของเลตเตอร์ออฟเครดิตที่ธนาคารไดอิจิติดต่อกับจำเลยที่ ๒ ดังกล่าวแล้ว จำเลยที่ ๑ ได้มีหนังสือตามเอกสารหมาย จ.๑๑ และ จ.๑๒ ถึงจำเลยที่ ๒ เกี่ยวกับเรื่องเงินของจำเลยที่ ๑ ศาลวินิจฉัยว่า ได้พิเคราะห์เอกสารแนบหมาย จ.๑๑ และ จ.๑๒ ซึ่งจำเลยที่ ๑ มีถึงจำเลยที่ ๒ แล้ว ตามหนังสือ จ.๑๑ มีความสรุปได้ว่าเพื่อความสะดวกในการชำระเงินค่าระวางบรรทุก จำเลยที่ ๑ ใคร่ขอให้จำเลยที่ ๒ ช่วยออกหนังสือถึงตัวแทนโจทก์เพื่อยืนยันว่า เมื่อได้ออกบิลออฟเลดิ้งแสดงการรับบรรทุกสินค้าแล้ว จะได้ชำระค่าระวางบรรทุกให้แก่ตัวแทนโจทก์ผู้ขนส่ง และจำเลยที่ ๒ ได้บันทึกความท้ายหนังสือไว้ว่า จำเลยที่ ๒ ขอตอบรับหนังสือของจำเลยที่ ๑ แล้วต่อมาจำเลยที่ ๑ ได้มีหนังสือถึงจำเลยที่ ๒ ตามเอกสารแนบ จ.๑๒ ซึ่งมีความสรุปได้ว่า เงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตคิดเป็นเงิน ๔๖,๐๐๓ ดอลล่าร์สหรัฐนั้น จำเลยที่ ๑ ใคร่ขอให้ทางจำเลยที่ ๒ จัดการจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวต่อไปนี้ โปรดออกเช็คให้กับบริษัททรอพพิคอลชิปปิ้ง จำกัด (ตัวแทนโจทก์) เป็นเงินค่าระวางเรือ ๕๕๑,๒๕๐ บาท ๒. หักเงินสำรองไว้จ่ายเงินค่าเสียเวลาเรือเป็นเงิน ๒๑๕,๐๐๐ บาทเงินจำนวนนี้จะจ่ายได้ต่อเมื่อบริษัททรอพพิคอลชิปปิ้งนำไปเสร็จรับเงินดังกล่าวมาเก็บจากจำเลยที่ ๒ ส่วนเงินที่เหลือถ้ามีให้นำเข้าบัญชีของจำเลยที่ ๑ ส่วนที่เหลือจากการสั่งจ่ายข้างต้น ขอให้นำเข้าบัญชีของจำเลยที่ ๑ ที่สาขาพัฒพงษ์ ความในหนังสือดังกล่าวนี้เห็นได้ว่า มิได้เป็นสัญญาที่จำเลยที่ ๒ ทำไว้กับจำเลยที่ ๑ ว่าจำเลยที่ ๒ ยอมรับผิดชำระหนี้ของจำเลยที่ ๑ ให้กับโจทก์ หรือมีการให้สัญญาไว้กับโจทก์หากว่าจำเลยที่ ๑ ไม่ชำระหนี้ค่าระวางเรือและค่าเสียเวลาเรือให้แก่โจทก์แล้ว จำเลยที่ ๒ ต้องรับผิดต่อโจทก์ด้วย เอกสารดังกล่าวเป็นเรื่องที่จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นเจ้าของเงินตามเลตเตอร์ออกเครดิตแจ้งให้จำเลยที่ ๒ ทราบเกี่ยวแก่การจัดการชำระเงินค่าระวางบรรทุกและค่าเสียเวลาหรือให้กับตัวแทนของโจทก์ประการใดบ้างเท่านั้น ถึงแม้จำเลยที่ ๒ จะทราบว่าโจทก์ได้ทราบความหนังสือที่จำเลยที่ ๑ มีถึงจำเลยที่ ๒ ดังกล่าวแล้ว ๑ และจำเลยที่ ๒ ก็หามีหน้าที่ต่อโจทก์อย่างใดไม่และการที่จำเลยที่ ๒ ได้จัดการโอนเงินที่กันไว้สำรองเพื่อจ่ายค่าเสียเวลาเรือ ไปเข้าบัญชีของจำเลยที่ ๑ ที่สาขาพัฒพงษ์ ก็เป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของจำเลยที่ ๑ ผู้เป็นเจ้าของเงินเท่านั้น จึงไม่เป็นเหตุให้จำเลยที่ ๒ ต้องรับผิดชอบชำระเงินค่าเสียเวลาเรือที่จำเลยที่ ๑ ต้องชำระให้แก่โจทก์แทนจำเลยที่ ๑ ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้โจทก์ให้ค่าทนายความชั้นฎีกา ๑,๐๐๐ บาท แทนจำเลยที่ ๒
(สนับ คัมภีรยส รื่น วิไลชนม์ สมชัย ทรัพยวณิช)

Share