คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1367/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ว่าจำเลยได้โอนกรรมสิทธิที่ดินไปยังผู้ร้องขัดทรัพย์ แต่ปรากฎว่านิติกรรมการโอนนั้นได้ทำโดยสมยอม ศาลมีอำนาจเพิกถอนการโอนได้.
ผู้รับโอนที่พิพาทไว้โดยเป็นการกระทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบหรือไม่ เป็นปัญหาข้อเท็จจริง.

ย่อยาว

ความว่า ผู้ร้อง,ร้องขัดทรัพย์ว่า โจทก์นำยึดนาของผู้ร้องซึ่งผู้ร้องซื้อไว้จากนางจันทร์จำเลย โดยทำสัญญาซื้อขายกันที่อำเภอ ขอให้ถอนการยึด โจทก์แก้ว่า การซื้อขายนารายนี้เป็นการสมยอม เพื่อฉ้อโกงโจทก์ การกระทำของจำเลยกับผู้ร้องเป็นการทุจจริตสมยอมกัน ทั้งรู้อยู่ว่า จะเป็นการทำให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งว่า การกระทำของผู้ร้องเป็นการสมยอมโดยรู้ การซื้อขายระหว่างผู้ร้องกับจำเลยจะใช้ยันโจทก์มิได้ จึงให้ยกคำร้องของผู้ร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกาว่า นาที่พิพาทที่โจทก์นำยึดนี้ กรรมสิทธิได้โอนไปยังผู้ร้องแล้ว โจทก์จะยึดไม่ได้ และว่าผู้ร้องได้ซื้อไว้โดยสุจริต
ศาลฎีกาเห็นว่า ในเรื่องกรรมสิทธิที่ผู้ร้องอ้างนั้น เมื่อปรากฎในการร้องขัดทรัพย์ว่า นิติกรรมการโอนนั้นได้ทำโดยสมยอม ศาลก็มีอำนาจที่จะเพิกถอนการโอน และยกคำร้องของผู้ร้องเสียได้
ส่วนประเด็นในเรื่องสุจริตหรือไม่นั้น ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ชี้ขาดว่า ผู้ร้องได้รับโอนที่พิพาทไว้ โดยรู้อยู่ว่าเป็นการกระทำของจำเลยเพื่อให้โจทก์ต้องเสียเปรียบเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ผู้ร้องฎีกาไม่ได้
พิพากษายืน.

Share