คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เดิมโจทก์ฟ้องจำเลยข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ระหว่างออกหมายจับจำเลยตกลงผ่อนชำระหนี้โดยชำระเงินสดส่วนหนึ่ง และสั่งจ่ายเช็คชำระส่วนหนึ่ง โจทก์จึงถอนฟ้อง ต่อมาธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คดังกล่าวดังนี้ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปเฉพาะคดีเดิมเท่านั้น เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คที่ออกใหม่วันใด ก็เป็นความผิดที่เกิดขึ้นใหม่วันนั้น โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ ในเช็คดังกล่าวได้.

ย่อยาว

คดีทั้งสามสำนวน ศาลชั้นต้นได้พิจารณาพิพากษารวมกัน โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 มาตรา 3 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังข้อเท็จจริงว่า เดิมจำเลยเป็นหนี้โจทก์ 120,000 บาท สั่งจ่ายเช็คสองฉบับเพื่อชำระหนี้ แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่าย โจทก์จึงฟ้องคดีอาญาสองสำนวนในข้อหาผิดพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค คดีอยู่ในระหว่างออกหมายจับจำเลยได้มาตกลงผ่อนชำระหนี้โดยชำระเงินสด 20,000 บาท และสั่งจ่ายเช็คฉบับละ 20,000 บาท จำนวน 7 ฉบับ ลงวันที่สั่งจ่ายห่างกันฉบับละเดือน ทุกวันที่ 12 ของเดือน โจทก์จึงถอนฟ้องคดีทั้งสองสำนวนต่อมาธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คทั้งหมดโดยให้เหตุผลว่าโปรดติดต่อผู้สั่งจ่าย และจำเลยไม่มีเงินในบัญชีพอจ่าย เชื่อว่าเป็นการตกลงผ่อนชำระหนี้เดิมโดยการสั่งจ่ายเช็ค ไม่ใช่ออกเช็คเพื่อค้ำประกัน จำเลยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91เรียงกระทงลงโทษ ตามสำนวนคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 400/2528 จำคุกกระทงละ 2 เดือน 2 กระทง เป็นจำคุก 4 เดือน ตามสำนวนคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 401/2528 จำคุกกระทงละ 2 เดือน 3 กระทง เป็นจำคุก6 เดือน ตามสำนวนคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 682/2528 จำคุกกระทงละ2 เดือน 2 กระทง เป็นจำคุก 4 เดือน นับโทษทั้งสามสำนวนติดต่อกันตามลำดับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า โจทก์จำเลยตกลงกันในคดีเดิมโดยจำเลยชำระเงินสด20,000 บาท งวดแรก งวดต่อไปเดือนละ 20,000 บาท โดยออกเช็คล่วงหน้า7 ฉบับ ที่ฟ้องเป็นประกัน โจทก์ยอมถอนฟ้องคดีเดิมไปเป็นการประนีประนอมยอมความกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(2) สิทธินำคดีนี้มาฟ้องจึงระงับสิ้นไป โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยทั้งสามสำนวนนี้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงศาลฎีกาจึงต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมาว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ มีเจตนาไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยออกเช็คดังกล่าวเป็นการปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีเดิม ซึ่งโจทก์ถอนฟ้องไปแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจึงระงับไปทั้งหมดนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปเฉพาะคดีเดิมเท่านั้น เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คที่ออกใหม่วันใดก็เป็นความผิดที่เกิดขึ้นใหม่วันนั้น โจทก์มีสิทธิฟ้องคดีทั้งสามสำนวนนี้ คำพิพากษาฎีกาที่1977/2523 ที่จำเลยอ้าง ข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้
พิพากษายืน.

Share