แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาประกันมีความว่า จำเลยได้รับประกันผู้ต้องหาไปจากความควบคุมของเจ้าพนักงานตำรวจ และสัญญาว่าจะส่งตัวผู้ต้องหาได้ตามกำหนดนัดของเจ้าพนักงาน เมื่อจำเลยไม่ส่งตัวผู้ต้องหาตามกำหนด จำเลยก็ยอมไม่พ้นความรับผิดตามสัญญา การที่อธิบดีกรมตำรวจสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาก่อนถึงกำหนดส่งตัวนั้น ไม่เป็นเหตุให้จำเลยพ้นความรับผิด หรือไม่ต้องส่งผู้ต้องหา
ความใน ป.ม.วิ.อาญา มาตรา 113 หมายความว่าให้อำนาจพนักงานสอบสวนเรียกประกันผู้ต้องหาได้ฉะเพาะ เมื่อคดีอยู่ระหว่างสอบสวนเท่านั้น แต่เมื่อได้สั่งปล่อยผู้ต้องหาหรือได้ฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลแล้ว จะเรียกประกันมิได้ มิใช่หมายความว่าเมื่อพนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้องแล้ว สัญญาประกันที่ทำไว้เป็นอันเลิกหรือระงับไป
ในคดีผิดสัญญาประกันผู้ต้องหา เมื่อพนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาแล้ว ศาลย่อมลดจำนวนเงินในสัญญาให้ได้ตามนัยะแห่ง ป.ม.วิ.อาญา มาตรา 119
ย่อยาว
ความว่า จำเลยได้ทำสัญญาประกันตัวนายเฉลิมผู้ต้อหาในคดีปล้นทรัพย์จากเจ้าพนักงานตำรวจ ผู้เป็นพนักงานสอบสวนไป จำเลยขอผัดส่งตัวผู้ต้องหาหลายครั้ง ครั้งที่สุด นัดให้ส่งตัวผู้ต้องหาวันที่ ๒ มกราคม ๒๔๙๐ แต่เมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๔๘๙ อธิบดีกรมตำรวจในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนได้มีคำสั่งไม่ฟ้องนายเฉลิมผู้ต้องหา โจทก์ได้ฟ้องเรียกเงินและดอกเบี้ยจากจำเลยฐานผิดสัญญาประกัน เป็นเงิน ๓๐๕๐ บาท ๔๔ สตางค์ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ปรากฏตามสัญญาประกันว่า จำเลยได้รับประกันนายเฉลิมผู้ต้องหาไปจากความควบคุมของเจ้าพนักงานตำรวจ และสัญญาว่าจะส่งตัวผู้ต้องหาได้ตามกำหนดนัดของเจ้าพนักงาน เมื่อจำเลยไม่ส่งตัวผู้ต้องกาตามกำหนด จำเลยย่อมไม่พ้นความรับผิดตามสัญญา การที่อธิบดีกรมตำรวจสั่งไม่ฟ้องนายเฉลิมก่อนถึงกำหนดวันที่ส่งตัวนั้น ไม่เป็นเหตุให้จำเลยพ้นความรับผิดหรือไม่ส่งตัวนายเฉลิม ส่วนความในมาตรา ๑๑๓ ป.ม.วิ.อาญา หมายความว่า ให้อำนาจพนักงานสอสวนเรียกประกันผู้ต้องหาได้ฉะเพาะเมื่อคดีอยู่ระหว่างสอบสวนเท่านั้น เมื่อได้สั่งปล่อยผู้ต้องหาหรือฟ้องผู้ต้องหาแล้ว จะเรียกประกันมิได้ มิใช่หมายความว่า เมื่อพนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้องแล้ว สัญญาประกันที่ทำไว้เป็นอันเลิกหรือระงับไป ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
เรื่องนี้ อธิบดีกรมตำรวจสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา จึงควรลดจำนวนเงินในสัญญาให้แก่จำเลยตาม นัยะแห่ง ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๑๑๙
พิพากษากลับ ให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ ๓๐๐ บาท