แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 2 ถึงแก่กรรมระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์และปรากฏตามรายงานเจ้าหน้าที่ว่าส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แก่จำเลยที่ 2 ไม่ได้เนื่องจากจำเลยที่ 2 ถึงแก่กรรมแสดงว่าศาลชั้นต้นทราบว่าจำเลยที่ 2 ถึงแก่กรรมตั้งแต่ก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จึงเป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์ที่จะต้องมีคำสั่งเกี่ยวกับการมรณะของคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42 ดังนั้น ศาลชั้นต้นจึงต้องเลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วส่งสำนวนพร้อมคำพิพากษาคืนไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อสั่งเกี่ยวกับความมรณะของจำเลยที่ 2 แล้วมีคำพิพากษาใหม่ต่อไป การที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 1 เข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลยที่ 2รวมทั้งมีคำสั่งให้ขยายระยะเวลาฎีกาแก่จำเลยที่ 2 และมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 2 ล้วนเป็นคำสั่งและการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยทั้งสามกับบริวารเข้าไปเกี่ยวข้อง และให้เพิกถอนชื่อจำเลยที่ 2 ที่ 3 และชื่อนายคำนึง สกุลสุวรรณ ออกจากการเป็นเจ้าของสิทธิครอบครองตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) และให้ใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของแทน หากจำเลยทั้งสามไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสาม
จำเลยทั้งสามให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท ให้เพิกถอนการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ทะเบียนเลขที่ 3 เล่มที่ 1 ก. หน้า 3 เลขที่ดิน 41 หมู่ที่ 2 ตำบลนิคมลำนารายณ์อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี เนื้อที่ 45 ไร่ ของจำเลยที่ 2 ห้ามจำเลยทั้งสองและบริวารเข้าเกี่ยวข้องในที่ดินพิพาท
จำเลยทั้งสามฎีกาโดยศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้นายสวัสดิ์พวงจำปี จำเลยที่ 1 เข้าเป็นคู่ความแทนจำเลยที่ 2 ผู้ตาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปรากฏว่าเมื่อศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ให้คู่ความฟังแล้ว ทนายจำเลยที่ 1 และที่ 2 ยื่นคำร้องขอขยายเวลายื่นฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต ต่อมาจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่าจำเลยที่ 2 ถึงแก่กรรม จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุตรขอเข้ารับมรดกความของจำเลยที่ 2 ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ไต่สวน แล้วมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 1 เข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลยที่ 2 ผู้ตายพร้อมทั้งมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 2 ขยายระยะเวลายื่นฎีกาไปอีก 20 วัน นับแต่วันมีคำสั่งให้จำเลยที่ 1 เข้าเป็นคู่ความแทน จำเลยที่ 2 จึงยื่นฎีกาและศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาในเวลาต่อมา ข้อเท็จจริงปรากฏตามสำเนามรณบัตรแนบท้ายคำร้องขอเข้ารับมรดกความว่า จำเลยที่ 2 ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2541 อันเป็นเวลาอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 และปรากฏตามรายงานเจ้าหน้าที่ลงวันที่ 18 พฤษภาคม 2543 ว่าเจ้าหน้าที่ส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 แก่จำเลยที่ 2 ไม่ได้เนื่องจากจำเลยที่ 2 ถึงแก่กรรมไปแล้ว ซึ่งศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งแจ้งนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 แก่ทนายความของจำเลยที่ 2 แสดงว่าศาลชั้นต้นได้ทราบว่าจำเลยที่ 2 ถึงแก่กรรมตั้งแต่ก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 กรณีจึงย่อมเป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ที่จะต้องมีคำสั่งเกี่ยวกับการมรณะของคู่ความ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42 ซึ่งบัญญัติว่า “ถ้าคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในคดีที่ค้างพิจารณาอยู่ในศาลได้มรณะเสียก่อนศาลพิพากษาคดีให้ศาลเลื่อนการนั่งพิจารณาไปจนกว่าทายาทของผู้มรณะหรือผู้จัดการทรัพย์มรดกของผู้มรณะหรือบุคคลอื่นใดที่ปกครองทรัพย์มรดกไว้จะได้เข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะโดยมีคำขอเข้ามาเองหรือโดยที่ศาลหมายเรียกให้เข้ามาเนื่องจากคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีคำขอฝ่ายเดียว คำขอเช่นว่านี้จะต้องยื่นภายในกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันที่คู่ความฝ่ายนั้นมรณะ” และวรรคสองของมาตราดังกล่าวบัญญัติต่อไปว่า “ถ้าไม่มีคำขอของบุคคลดังกล่าวมาแล้ว หรือไม่มีคำขอของคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งภายในเวลาที่กำหนดไว้ ให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีเรื่องนั้นเสียจากสารบบความ” ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นทราบแล้วว่าจำเลยที่ 2ถึงแก่ความตายขณะคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 เช่นนี้ศาลชั้นต้นจึงต้องเลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 แล้วส่งถ้อยคำสำนวนพร้อมคำพิพากษาคืนไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 2 เพื่อพิจารณาสั่งเกี่ยวกับความมรณะของจำเลยที่ 2 แล้วมีคำพิพากษาใหม่ต่อไป การที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 และมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 1 เข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลยที่ 2 รวมทั้งมีคำสั่งให้ขยายระยะเวลาฎีกาแก่จำเลยที่ 2 และมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 2 จึงล้วนเป็นคำสั่งและการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นสมควรให้ศาลล่างทั้งสองดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำสั่งให้ถูกต้องก่อน คดีจึงไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยทั้งสามอีกต่อไป”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 กับยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้นายสวัสดิ์ พวงจำปี จำเลยที่ 1 เข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลยที่ 2 ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำสั่งเกี่ยวกับความมรณะของจำเลยที่ 2 และมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ให้ยกฎีกาของจำเลยทั้งสาม