คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 726/2550

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

กรณีที่จะต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตาม ป.รัษฎากร มาตรา 91/2 (6) นั้น ต้องเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไรไม่ว่าอสังหาริมทรัพย์นั้นจะได้มาโดยวิธีใด ทั้งนี้ เฉพาะที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา ดังนั้น จึงต้องพิจารณาก่อนว่าการขายที่ดินของโจทก์เป็นการขายที่เป็นทางค้าหรือหากำไรหรือไม่ ถ้าใช่ถึงจะต้องพิจารณาต่อไปว่า การขายนั้นอยู่ในหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาที่ให้ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะหรือไม่
โจทก์รับราชการครู มิได้มีอาชีพหรือทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ที่ดินที่โจทก์ขายไปโจทก์ได้รับยกให้จากน้องสาวตั้งแต่ปี 2522 โดยโจทก์มิได้ลงทุนซื้อหามาเอง การที่โจทก์ให้บริษัท อ. เช่าที่ดินเพื่อสร้างสถานีบริการน้ำมันก็เป็นการแสวงหาประโยชน์ตามปกติในฐานะเจ้าของทรัพย์สิน แม้ที่ดินของโจทก์จะมีราคาสูงแต่ก็ไม่ใช่ข้อบ่งชี้ว่าโจทก์ขายที่ดินเป็นทางค้าหรือหากำไรเสมอไป เพราะราคาที่ดินย่อมขึ้นอยู่กับสภาพ ทำเลที่ตั้งและความพึงพอใจของคู่สัญญาเป็นตัวกำหนด การที่โจทก์ขายที่ดินไปยังถือไม่ได้ว่าเป็นทางค้าหรือหากำไรที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตาม ป.รัษฎากร มาตรา 91/2 (6)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2545 เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยได้มีหนังสือแจ้งการประเมินภาษีธุรกิจเฉพาะให้โจทก์ชำระภาษีธุรกิจเฉพาะ เบี้ยปรับ เงินเพิ่ม และภาษีส่วนท้องถิ่นเป็นเงินรวม 9,372,000 บาท จากการขายที่ดิน โจทก์อุทธรณ์การประเมิน คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์ โจทก์เห็นว่าการประเมินภาษีธุรกิจเฉพาะและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย กล่าวคือ ที่ดินที่โจทก์ขายแต่เดิมเป็นของบิดาโจทก์ตั้งแต่ปี 2502 ต่อมาปี 2522 โจทก์ได้รับที่ดินดังกล่าวจากนางศรีประภา รื่นมณี พี่น้องร่วมบิดามารดาของโจทก์ยกให้แล้วโจทก์ให้ผู้อื่นเช่าในปี 2530 และขายที่ดินไปในปี 2536 โจทก์ไม่มีเจตนาที่จะซื้อหาที่ดินนั้นมาเพื่อมุ่งหมายในทางการค้าหรือหากำไร โจทก์จึงไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ โจทก์ได้ชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากการขายที่ดินแก่จำเลยตามจำนวนที่เรียกเก็บเป็นเงิน 1,453,612 บาท หากโจทก์ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับการขายที่ดินแปลงดังกล่าว โจทก์ก็จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากเงินที่ได้จากการขายที่ดิน โจทก์ยังไม่ได้ขอภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากการขายที่ดินที่จำเลยหักไว้ 1,453,612 บาท คืนจากจำเลย จำเลยจึงชอบที่จะนำเงินภาษีที่โจทก์ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียและยังไม่ได้ขอรับคืนดังกล่าวไปหักออกจากภาษีธุรกิจเฉพาะก่อน โจทก์ไม่มีเจตนาที่จะไม่ชำระภาษีและได้ให้ความร่วมมือต่อเจ้าหน้าที่ของจำเลยในการตรวจสอบภาษี ขอให้เพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ และหากโจทก์มีความรับผิดในการเสียภาษีธุรกิจเฉพาะขอให้งดหรือลดเบี้ยปรับและเงินเพิ่มแก่โจทก์ด้วย
จำเลยให้การว่า โจทก์ได้รับการยกให้โดยเสน่หาซึ่งที่ดินโฉนดเลขที่ 8108 แขวงคลองกุ่ม เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ 1 ไร่ 3 งาน 95 ตารางวา จากนางศรีประภา รื่นมณี เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2522 แล้วโจทก์ถือครองที่ดินแปลงนี้มาโดยตลอด ต่อมาวันที่ 30 เมษายน 2530 โจทก์ได้ให้บริษัทเอสโซ่แสตนดาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด เช่าที่ดินดังกล่าวมีกำหนด 15 ปี และเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2536 โจทก์ได้ขายที่ดินดังกล่าวพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่บริษัทเพซเซตเตอร์เอ็นเตอร์ไพรเซส จำกัด ในราคา 71,000,000 บาท การที่โจทก์ให้บริษัทเอสโซ่แสตนดาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด เช่าที่ดินเพื่อจำหน่ายน้ำมัน โจทก์ย่อมมีรายได้จากการให้เช่าที่ดินดังกล่าว การให้เช่าดังกล่าวจึงถือเป็นการประกอบกิจการอย่างหนึ่ง โจทก์จึงเป็นผู้ประกอบกิจการที่เป็นทางค้าหรือหากำไร และการขายที่ดินของโจทก์เข้าลักษณะเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นทางค้าหรือหากำไรตามมาตรา 3 (5) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นทางค้าหรือหากำไร (ฉบับที่ 244) พ.ศ.2534 อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 91/2 (6) แห่งประมวลรัษฎากร แต่โจทก์มิได้ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีธุรกิจเฉพาะและไม่ได้เสียภาษีธุรกิจเฉพาะภายในกำหนดเวลาดังกล่าว จึงต้องเสียเบี้ยปรับ 2 เท่า ของเงินภาษีที่ต้องเสียหรือนำส่งในเดือนภาษี ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 89 (2) ประกอบมาตรา 91/21 (6) และเสียเงินเพิ่มตามมาตรา 89/1 ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นทางค้าหรือหากำไร (ฉบับที่ 244) พ.ศ.2534 กรณีผู้ขายที่มีเงินได้จากการขายที่ดินซึ่งได้ถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย และได้เสียภาษีธุรกิจเฉพาะแล้ว เมื่อถึงกำหนดยื่นรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ผู้ขายนั้นจะได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินได้พึงประเมินจากการขายที่ดินดังกล่าวมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอีกไม่ใช่ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ดังนั้น การที่โจทก์ขอให้นำเงินจำนวน 1,453,612 บาท ไปหักออกจากภาษีธุรกิจเฉพาะที่โจทก์ต้องชำระก่อน จึงไม่ถูกต้อง การประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้แก้ไขการประเมินภาษีธุรกิจเฉพาะตามหนังสือแจ้งการประเมินภาษีธุรกิจเฉพาะ เลขที่ ก.16.2/1005300/6/101229 ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2545 และคำวินิจฉัยอุทธรณ์เลขที่ สภ.1 (อธ.1)/202/2546 ลงวันที่ 16 กันยายน 2546 ในส่วนของเบี้ยปรับเป็นให้ลดเบี้ยปรับให้โจทก์ โดยคงเรียกเก็บเพียงร้อยละ 50 ของเบี้ยปรับตามกฎหมาย คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงฟังยุติได้ว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 8108 แขวงคลองกุ่ม เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร โดยได้รับยกให้จากนางศรีประภา รื่นมณี น้องของโจทก์เมื่อปี 2522 ต่อมาเมื่อปี 2530 โจทก์ได้ให้บริษัทเอสโซ่แสตนดาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด เช่าที่ดินเพื่อสร้างสถานีบริการน้ำมันมีกำหนด 15 ปี แต่เมื่อให้เช่าได้ประมาณ 6 ปี โจทก์ตกลงขายที่ดินดังกล่าวพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่บริษัทเพซเซตเตอร์เอ็นเตอร์ไพรเซส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกับบริษัทเอสโซ่แสตนดาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าพนักงานประเมินทำการประเมินให้โจทก์ชำระภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายที่ดินดังกล่าว โจทก์อุทธรณ์การประเมิน คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์ จึงเห็นสมควรวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ในปัญหาว่า การขายที่ดินของโจทก์เป็นการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามประมวลรัษฎากร มาตรา 91/2 (6) หรือไม่เสียก่อน เห็นว่า กรณีที่จะต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามประมวลรัษฎากร มาตรา 91/2 (6) นั้น ต้องเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไรไม่ว่าอสังหาริมทรัพย์นั้นจะได้มาโดยวิธีใด ทั้งนี้ เฉพาะที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา ดังนั้น จึงต้องพิจารณาก่อนว่าการขายที่ดินของโจทก์เป็นการขายที่เป็นทางค้าหรือหากำไรหรือไม่ ถ้าใช่ถึงจะต้องพิจารณาต่อไปว่า การขายนั้นอยู่ในหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาที่ให้ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะหรือไม่ กรณีของโจทก์ได้ความว่า โจทก์มีอาชีพรับราชการครู มิได้มีอาชีพหรือทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์แต่อย่างใด ที่ดินที่โจทก์ขายไปนี้โจทก์ได้รับยกให้จากน้องสาวตั้งแต่ปี 2522 โดยโจทก์มิได้ลงทุนซื้อหามาเอง การที่โจทก์ให้บริษัทเอสโซ่แสตนดาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด เช่าที่ดินเพื่อสร้างสถานีบริการน้ำมันก็เป็นการแสวงหาประโยชน์ตามปกติในฐานะเจ้าของทรัพย์สิน โดยไม่ปรากฏว่าโจทก์มีที่ดินแปลงอื่นให้ผู้อื่นเช่าอีกอันจะเข้าลักษณะของการประกอบอาชีพหรือทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้การที่โจทก์ขายที่ดินไปก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่าเป็นการขายเพื่อจะซื้อที่ดินแปลงใหม่แล้วนำมาให้เช่าหรือหากำไรอีกทอดหนึ่งแต่อย่างใด แม้ที่ดินของโจทก์จะมีราคาสูงแต่ก็ไม่ใช่ข้อบ่งชี้ว่าโจทก์ขายที่ดินเป็นทางค้าหรือหากำไรเสมอไป เพราะราคาที่ดินย่อมขึ้นอยู่กับสภาพ ทำเลที่ตั้งและความพึงพอใจของคู่สัญญาเป็นตัวกำหนด จากพฤติการณ์ดังกล่าวการที่โจทก์ขายที่ดินไปยังถือไม่ได้ว่าเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไรที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามประมวลรัษฎากร มาตรา 91/2 (6) ที่เจ้าพนักงานประเมินและคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ให้โจทก์เสียภาษีธุรกิจเฉพาะจึงไม่ชอบ อุทธรณ์ของโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น เมื่อวินิจฉัยดังนี้แล้วจึงไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ข้ออื่นของโจทก์และอุทธรณ์ของจำเลยอีก ที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษามานั้น ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรไม่เห็นพ้องด้วย”
พิพากษากลับ ให้เพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสองศาลให้เป็นพับ.

Share