คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 691/2487

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลยล่วงหน้า 1 เดือนแล้ว จำเลยยังไม่ออกจากห้องเช่า และได้ไห้ค่าเช่าแก่โจทสำหรับเดือนต่อมาโดยโจทไม่ออกไบรับเงินไห้และฟ้องขับไล่ ดังนี้ สัญญาเช่านั้นย่อมระงับ จำเลยไม่มีสิทธิหยู่ไนห้องเช่าต่อไป.

ย่อยาว

โจทฟ้องขอไห้ขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าของโจทและเรียกค่าเสียหาย
ได้ความว่า เดิมจำเลยทำสัญญาเช่าห้องจากโจทค่าเช่าเดือนละ ๒๒ บาท สัญญามีอายุ ๑ ปี เมื่อครบกำหนดแล้ว ผู้เช่ายังครองทรัพย์ที่เช่าหยู่ โจทได้ยินยอมรับค่าเช่าเรื่อยมา ต่อมาเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๔๘๖ โจทได้มิหนังสือบอกเลิกสัญญากับจำเลยล่วงหน้า ๑ เดือน คือไห้ส่งคืนห้องที่เช่าพายไนวันที่ ๓๑ กรกดาคม ๒๔๘๖ เมื่อเกินกำหนดแล้วจำเลยก็ยังไม่ส่งห้องเช่านั้น โดยจำเลยว่าโจทได้รับค่าเช่าสำหรับเดือนสิงหาคมจากจำเลยแล้ว ได้ชื่อว่าเปนการต่ออายุสัญญาอีก แต่ความข้อนี้โจทปติเสธว่าไม่ได้รับค่าเช่าสำหรับเดือนสิงหาคมเลย
สาลชั้นต้นพิพากสาไห้จำเลยคืนห้องเช่าไห้โจทและขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่ารายพิพาท
สาลอุธรน์เห็นว่า ถ้าโจทได้รับค่าเช่าประจำเดือน สิงหาคม ๒๔๘๖ จากจำเลยก็ต้องถือว่าเปนสัญญากันต่อไปไหม่ เมื่อโจทจะเลิกสัญญากับจำเลย โจทจะต้องบอกล่วงหน้าไห้จำเลยซาบอีกครั้งหนึ่ง แต่ข้อเท็ดจิงเรื่องรับเงินค่าเช่าประจำเดือนสิงหาคมนี้ยังโต้เถียงกันหยู่ ไม่ควนที่สาลชั้นต้นจะสั่งไห้งดสืบพยานเสีย จึงพิพากสาไห้สาลชั้นต้นสืบพยานตามข้อโต้เถียงของโจทจำเลยต่อไป
โจทดีกา สาลดีกาเห็นว่า โจทได้บอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลยตามประมวนกดหมายแพ่งและพานิชมาตรา ๕๕๖ โดยถูกต้อง สัญญาเช่าเปนอันระงับไปแล้วส่วนที่จำเลยส่งค่าเช่าสำหรับเดือนสิงหาคม ๒๔๘๖ ไห้โจทพายหลังนั้น จำเลยก็รับว่าโจทไม่ได้ออกไบรับเงินไห้ และโจทกลับฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่า สัญญาเช่าที่ระงับไปแล้วนั้น จึงไม่กลับฟื้นขึ้นมาได้ จำเลยไม่มีสิทธิหยู่ไนห้องรายพิพาทต่อไป จึงพิพากสากลับคำพิพากสาสาลอุธรน์ ยืนตามคำพิพากสาสาลชั้นต้น

Share