แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 195 จะบัญญัติให้นำบททั่วไปแห่งประมวลกฎหมายดังกล่าวมาใช้บังคับแก่การชี้ขาดตัดสินคดีมโนสาเร่ด้วยก็ตาม แต่การจะนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88เรื่องกำหนดเวลายื่นบัญชีระบุพยานมาใช้บังคับแก่คดีมโนสาเร่ ก็ต้องนำมาใช้ให้เหมาะสมแก่สภาพของการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีมโนสาเร่แต่ละคดีด้วย
วิธีพิจารณาคดีมโนสาเร่มีบทบัญญัติในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 193 ที่ให้สิทธิจำเลยยื่นคำให้การในวันที่มาศาลตามหมายเรียกของศาลหรือในวันอื่นต่อมาตามแต่ศาลจะเห็นสมควรก็ได้ โดยต้องมิให้เป็นการเสียหายแก่การต่อสู้คดีของจำเลย เมื่อคดีนี้ตามหมายเรียกของศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยมาศาลเพื่อให้การแก้ข้อหาในวันที่ 31 พฤษภาคม 2536 และนัดสืบพยานในวันดังกล่าวด้วย จำเลยจึงมีสิทธิยื่นคำให้การและยื่นบัญชีระบุพยานในวันนัดสืบพยานได้แต่จำเลยยื่นคำให้การวันที่ 28 พฤษภาคม 2536 แม้จำเลยจะยื่นบัญชีระบุพยานมาในวันดังกล่าวด้วยก็มิอาจเป็นการยื่นบัญชีระบุพยานภายในกำหนดเวลา ที่มาตรา 88วรรคสอง กำหนดไว้ได้ เนื่องจากศาลชั้นต้นได้ทำการสืบพยานโจทก์ไปในวันที่ 31พฤษภาคม 2536 นั้นเอง และเมื่อศาลชั้นต้นเลื่อนไปสืบพยานโจทก์ต่อในวันที่ 2กรกฎาคม 2536 จำเลยก็ยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลก่อนถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ ซึ่งศาลชั้นต้นสั่งรับบัญชีระบุพยานจำเลยไว้ แต่เมื่อศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งที่สั่งรับบัญชีระบุพยานจำเลยและมีคำสั่งใหม่เป็นไม่รับ จำเลยก็ยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาล จึงเป็นกรณีที่เห็นได้ชัดแจ้งว่าจำเลยไม่ได้จงใจฝ่าฝืนไม่ยื่นบัญชีระบุพยานตามเวลาที่กฎหมายกำหนด เพื่อมิให้เป็นการเสียหายแก่การต่อสู้คดีของจำเลยและเพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรม ศาลควรอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานและรับบัญชีระบุพยานของจำเลยไว้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคสี่