คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6435/2554

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดข้อหามีไว้ในครอบครองเพื่อขายซึ่งยาสูบบุหรี่ซิกาแรต ซึ่งเป็นยาสูบที่มิได้ปิดแสตมป์ตามกฎหมายกับข้อหามียาสูบที่ไม่ได้ปิดแสตมป์ไว้ในครอบครองเกินห้าร้อยกรัมตามฟ้องเป็นคดีก่อน และความผิดข้อหาเสนอจำหน่ายและมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งบุหรี่ซิกาแรตที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมซึ่งโจทก์แยกฟ้องมาเป็นคดีนี้ เป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติที่มีโทษทางอาญาคนละฉบับกัน มีองค์ประกอบความผิดแตกต่างกัน กล่าวคือข้อหามีไว้ในครอบครองเพื่อขายซึ่งยาสูบที่มิได้ปิดแสตมป์ตามกฎหมายและข้อหามีไว้ในครอบครองเพื่อขายซึ่งยาสูบที่มิได้ปิดแสตมป์ไว้ในครอบครอง เป็นความผิดต่อ พ.ร.บ.ยาสูบ พ.ศ.2509 ส่วนความผิดข้อหาเสนอจำหน่ายและมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมในคดีนี้ เป็นความผิดต่อ พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 ซึ่งสามารถแยกเจตนาในการกระทำความผิดออกจากกันได้ ดังนั้นการกระทำความผิดของจำเลยในคดีก่อนจึงไม่ใช่การกระทำความผิดกรรมเดียวกันกับที่โจทก์ฟ้องจำเลยในคดีนี้ แม้คดีก่อนศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยไปแล้ว ก็ไม่อาจถือได้ว่าศาลได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดที่โจทก์ฟ้องเป็นคดีนี้ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมไม่ระงับ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 4, 108, 110 และนับโทษจำคุกของจำเลยคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1815/2550 ของศาลจังหวัดนครสวรรค์
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ระหว่างพิจารณา จำเลยยื่นคำร้องว่า การกระทำความผิดของจำเลยที่โจทก์ฟ้องคดีนี้เป็นการกระทำกรรมเดียวกับการกระทำความผิดของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1815/2550 ของศาลจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งศาลดังกล่าวได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดให้ลงโทษจำเลยไปแล้วเป็นคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 154/2551 ของศาลจังหวัดนครสวรรค์ สิทธิในการนำคดีนี้มาฟ้องจึงระงับไป ขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในข้อกฎหมาย
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์ แล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติในเบื้องต้นว่า คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดนครสวรรค์ เป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1815/2550 ขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีไว้ในครอบครองเพื่อขายซึ่งยาสูบชนิดบุหรี่ซิกาแรตขนาดซองละ 20 มวน จำนวน 6,500 ซอง น้ำหนักรวม 130,000 กรัม ซึ่งเป็นยาสูบที่มิได้ปิดแสตมป์ตามกฎหมาย กับฐานมียาสูบที่ไม่ได้ปิดแสตมป์ไว้ในครอบครองเกินกว่าห้าร้อยกรัม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2550 เวลากลางวัน ซึ่งเป็นวันเวลาเดียวกับคดีนี้ จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยไปแล้วเป็นคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 154/2551 ของศาลจังหวัดนครสวรรค์ ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางขอให้ลงโทษจำเลยฐานเสนอจำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าบุหรี่ซิกาแรตที่มีเครื่องหมายการค้า “กรองทิพย์ 90” ของโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง ผู้เสียหายอันเป็นเครื่องหมายการค้าปลอม จำนวน 6,500 ซอง ซึ่งเป็นบุหรี่ซิกาแรตจำนวนเดียวกับบุหรี่ที่จำเลยถูกฟ้องในคดีก่อน จำเลยให้การรับสารภาพ
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า ฟ้องโจทก์ในคดีนี้เป็นฟ้องซ้ำหรือไม่ โดยโจทก์อุทธรณ์ว่า การกระทำความผิดของจำเลยในคดีก่อนกับคดีนี้เป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน ฟ้องโจทก์ในคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำนั้น เห็นว่า ความผิดข้อหามีไว้ในครอบครองเพื่อขายซึ่งยาสูบชนิดบุหรี่ซิกาแรตขนาดซองละ 20 มวน จำนวน 6,500 ซอง ซึ่งเป็นยาสูบที่มิได้ปิดแสตมป์ตามกฎหมายกับข้อหามียาสูบที่ไม่ได้ปิดแสตมป์ไว้ในครอบครองเกินห้าร้อยกรัมตามฟ้องเป็นคดีก่อนและความผิดข้อหาเสนอจำหน่ายและมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าบุหรี่ซิกาแรตที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมซึ่งโจทก์แยกฟ้องมาเป็นคดีนี้ เป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติที่มีโทษทางอาญาคนละฉบับกัน มีองค์ประกอบความผิดแตกต่างกันกล่าวคือ ความผิดข้อหามีไว้ในครอบครองเพื่อขายซึ่งยาสูบที่มิได้ปิดแสตมป์ตามกฎหมายและข้อหามียาสูบที่ไม่ได้ปิดแสตมป์ไว้ในครอบครอง เป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ.2509 ส่วนความผิดข้อหาเสนอจำหน่ายและมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมในคดีนี้ เป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 ซึ่งสามารถแยกเจตนาในการกระทำความผิดออกจากกันได้ ดังนั้นการกระทำความผิดของจำเลยในคดีก่อนจึงไม่ใช่การกระทำความผิดกรรมเดียวกันกับที่โจทก์ฟ้องจำเลยในคดีนี้ แม้คดีก่อนศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยไปแล้ว ก็ไม่อาจถือได้ว่าศาลได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดที่โจทก์ฟ้องเป็นคดีนี้ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมไม่ระงับไปตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (4) ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้องมานั้น ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น เมื่อศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่เป็นฟ้องซ้ำแล้ว จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
พิพากษายกคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาและพิพากษาคดีใหม่ตามรูปคดี

Share