คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6838/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อการให้ของจำเลยที่ ๑ มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย จำเลยที่ ๑ จึงต้องผูกพันในการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทเพื่อให้โจทก์เข้าทำประโยชน์ก่อสร้างสนามกีฬากลางประจำจังหวัด หากจำเลยที่ ๑ ไม่สามารถส่งมอบที่ดินพิพาทไม่ว่าด้วยเหตุประการใดก็ตาม โจทก์ย่อมได้รับความเสียหาย ไม่อาจใช้สอยประโยชน์ที่ดินนั้นได้ จำเลยที่ ๑ จึงต้องใช้ราคาที่ดินแทนตาม ป.พ.พ. มาตรา ๕๒๖ การที่จำเลยที่ ๑ ทำหนังสือแสดงเจตนามอบที่ดินให้โจทก์โดยระบุว่าเพื่อใช้จัดสร้างสนามกีฬากลางประจำจังหวัดเป็นเพียงเจตนารมย์ของการยกให้เท่านั้น ไม่ใช่วัตถุประสงค์แห่งการชำระหนี้ตามกฎหมายในกรณีนี้คือการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินอันเป็นการให้กระทำนิติกรรมอย่างหนึ่งนั้นเอง ซึ่งเปิดช่องให้จำเลยที่ ๑ สามารถกระทำได้อยู่แล้วและที่ดินพิพาทเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่สามารถตีเป็นราคาเพื่อใช้เงินแทนได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ดำเนินการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 5977 ตำบลประจันตคาม อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี เนื้อที่ 72 ไร่ 2 งาน 69 ตารางวา ให้แก่โจทก์ โดยปลอดจำนองและภาระติดพันใด ๆ หากจำเลยที่ 1 ไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา หากจำเลยที่ 1 ไม่สามารถดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่โจทก์ได้ ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันชดใช้ราคาที่ดินเป็นเงิน 4,932,350 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 5977 ตำบลประจันตคาม อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี แก่โจทก์หากจำเลยที่ 1 ไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา กับให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ สำหรับค่าทนายความไม่กำหนดให้ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 และที่ 3
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 5977 ตำบลประจันตคาม อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี ให้แก่โจทก์โดยปลอดจำนองและภาระติดพันใด ๆ หากจำเลยที่ 1 ไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์ได้ ให้ใช้ราคาแทนเป็นเงิน 4,932,350 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 6 ธันวาคม 2549) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ คืนค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์ส่วนที่เกิน 200 บาท ให้แก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีจำเลยที่ 3 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อร่วมกับผู้มีชื่อพร้อมประทับตราสำคัญกระทำการแทนบริษัทได้ เดิมจำเลยที่ 1 มีโครงการสร้างศูนย์กีฬา ศูนย์สุขภาพ โรงแรมที่พักอาศัยและสวนเกษตรในพื้นที่อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี ต่อมาวันที่ 11 ธันวาคม 2539 จำเลยที่ 1 มีหนังสือถึงโจทก์ ขอมอบที่ดินส่วนที่ต่อเนื่องกับโครงการดังกล่าว เนื้อที่ 50 ไร่ เพื่อให้โจทก์ใช้เป็นสถานที่จัดสร้างสนามกีฬากลางประจำจังหวัด โจทก์มีหนังสือตอบตกลงรับมอบที่ดินดังกล่าวกับขอให้จำเลยที่ 1 มอบที่ดินเนื้อที่อีกประมาณ 20 ไร่ เพื่อใช้เป็นสถานที่จอดรถ จำเลยที่ 1 มีหนังสือแจ้งว่าไม่อาจมอบที่ดินเพิ่มเติมให้โจทก์ได้ ต่อมาวันที่ 26 มีนาคม 2540 จำเลยที่ 1 มีหนังสือถึงโจทก์ว่ามีความประสงค์มอบที่ดินเนื้อที่ 72 ไร่ ในอำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อให้โจทก์ใช้เป็นสถานที่สร้างสนามกีฬากลางจังหวัดปราจีนบุรี โดยปราศจากเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น พร้อมขอยกเลิกหนังสือมอบที่ดินฉบับลงวันที่ 11 ธันวาคม 2539 ที่เคยทำไว้และขอใช้หนังสือฉบับใหม่แทน จากนั้นโจทก์ได้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้ความเห็นชอบในการรับมอบที่ดินและเสนอโครงการสร้างสนามกีฬาหลายชนิดต่อการกีฬาแห่งประเทศไทยเพื่อขอการสนับสนุน ต่อมาวันที่ 27 ตุลาคม 2542 โจทก์มีหนังสือถึงจำเลยที่ 1 เพื่อให้ดำเนินการโอนที่ดินแปลงดังกล่าว ภายหลังจำเลยที่ 1 มีหนังสือถึงโจทก์ว่าไม่อาจมอบที่ดินจำนวน 72 ไร่ ให้แก่โจทก์เพื่อสร้างสนามกีฬากลางประจำจังหวัดได้เพราะมีปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจ วันที่ 8 พฤษภาคม 2543 โจทก์มีหนังสือถึงฝ่ายจำเลยให้ดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินภายใน 60 วัน แต่ฝ่ายจำเลยเพิกเฉย สำหรับที่ดินแปลงพิพาทเมื่อตรวจสอบแล้วเป็นที่ดินโฉนดเลขที่ 5977 ตำบลประจันตคาม อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี เนื้อที่ 72 ไร่ 2 งาน 69 ตารางวา มีชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ โดยจำเลยที่ 1 นำที่ดินจำนองเป็นประกันไว้แก่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ซึ่งศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 5977 ให้แก่โจทก์ หากจำเลยที่ 1 ไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
ปัญหาในประการสุดท้ายมีว่า หากจำเลยที่ 1 ไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้โจทก์ได้ จำต้องใช้ราคาแทนหรือไม่ เห็นว่า เมื่อการให้ของจำเลยที่ 1 มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย จำเลยที่ 1 จึงต้องผูกพันในการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทเพื่อให้โจทก์เข้าทำประโยชน์ก่อสร้างสนามกีฬากลางประจำจังหวัด หากจำเลยที่ 1 ไม่สามารถส่งมอบที่ดินพิพาทไม่ว่าด้วยเหตุประการใดก็ตาม โจทก์ย่อมได้รับความเสียหายไม่อาจใช้สอยประโยชน์ที่ดินนั้นได้ จำเลยที่ 1 จึงต้องใช้ราคาที่ดินแทน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 526 ส่วนที่จำเลยที่ 1 กล่าวอ้างในฎีกาว่า วัตถุประสงค์แห่งการยกให้ของจำเลยที่ 1 เพื่อใช้เป็นสถานที่ก่อสร้างสนามกีฬากลางประจำจังหวัด จึงไม่เปิดช่องให้ชำระหนี้เป็นเงินได้นั้น เห็นว่า การที่จำเลยที่ 1 ทำหนังสือแสดงเจตนามอบที่ดินให้โจทก์โดยระบุว่าเพื่อใช้จัดสร้างสนามกีฬากลางประจำจังหวัดเป็นเพียงเจตนารมย์ของการยกให้เท่านั้น ไม่ใช่วัตถุประสงค์แห่งการชำระหนี้ตามกฎหมาย ในกรณีนี้คือการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินอันเป็นการให้กระทำนิติกรรมอย่างหนึ่งนั้นเอง ซึ่งเปิดช่องให้จำเลยที่ 1 สามารถกระทำได้อยู่แล้วและที่ดินพิพาทเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่สามารถตีเป็นราคาเพื่อใช้เงินแทนได้ ฎีกาข้อนี้ของจำเลยที่ 1 ก็ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share