แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอม แต่ศาลวินิจฉัยว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองในทางพิพาทโดยไม่วินิจฉัยว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมหรือไม่ เป็นการวินิจฉัยนอกเหนือจากคำฟ้อง
ทางเดินซึ่งตกเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์กว้าง 6.40 เมตร และโจทก์ใช้เดินเข้าออกเป็นประจำกว้างประมาณ1.50 เมตร แต่ถ้าเป็นหน้าน้ำทางเฉอะแฉะก็เดินนอกทางที่เดินเป็นประจำนั้นบ้าง เป็นที่เห็นได้ว่าโจทก์ได้ใช้ทางพิพาทตลอดมาโดยไม่ละทิ้ง ทางพิพาททั้งหมดยังคงเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อประมาณ 30 ปีมานี้ จำเลยยอมเปิดทางในที่ดินของจำเลยให้โจทก์ใช้ออกไปสู่ทางหลวงและลำน้ำเจ้าพระยาและโจทก์ได้ใช้ทางเดินดังกล่าวตลอดมา จึงตกเป็นทางภารจำยอมจำเลยนำเศษไม้เข้ามากองไว้ในทางภารจำยอม ขอให้บังคับจำเลยขนย้ายกองไม้ออกไป
จำเลยให้การร่วมกันว่าทางตามฟ้องไม่ตกเป็นทางภารจำยอมเพราะจำเลยให้โจทก์อาศัยเดิน โจทก์ไม่ได้ใช้สิทธิโดยอำนาจปรปักษ์กองไม้ไม่ได้ปิดทางที่โจทก์อาศัยเดิน
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ได้สิทธิครอบครองทางพิพาทตามกฎหมาย ภารกระทำของจำเลยเป็นการรบกวนและขัดขวางต่อการครอบครองทางพิพาทของโจทก์ พิพากษาให้จำเลยขนย้ายกองไม้ออกจากทางพิพาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมแต่ศาลล่างวินิจฉัยว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองในทางพิพาท โดยไม่วินิจฉัยว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมหรือไม่นั้น เป็นการวินิจฉัยนอกเหนือไปจากคำฟ้อง และฟังข้อเท็จจริงว่าการที่โจทก์ใช้ทางพิพาทไม่ใช่เป็นการอาศัยสิทธิของจำเลย แต่เป็นการใช้โดยอำนาจปรปักษ์เป็นระยะเวลากว่า 30 ปีแล้ว ทางพิพาทจึงตกเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ และฟังว่าทางพิพาทกว้าง 6.40 เมตร แม้โจทก์จะใช้เดินเข้าออกเป็นประจำกว้างประมาณ 1.50 เมตร แต่ถ้าเป็นหน้าน้ำทางเฉอะแฉะก็ใช้เดินนอกทางที่เดินเป็นประจำนั้นบ้าง เป็นที่เห็นได้ว่าโจทก์ได้ใช้ทางพิพาทตลอดมาโดยไม่ได้ละทิ้ง ทางพิพาททั้งหมดยังคงเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าไม้ที่จำเลยเอาไปกองไว้ไม่ได้กีดขวางทางที่โจทก์ใช้เดินแต่อย่างใดนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าไม่ใช่ประเด็นที่โต้เถียงกันในศาลชั้นต้น จำเลยเพิ่งจะมายกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นอุทธรณ์ฎีกาและไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนจึงไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลย