แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยไว้พิจารณาแล้ว จึงไม่มีฟ้องแย้งที่จะให้จำเลยแก้ไขได้อีก
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งสามฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินจำนวน 4,755,652.77 ดอลลาร์สหรัฐ แก่โจทก์ทั้งสามพร้อมด้วยดอกเบี้ยจำนวน 861,317.10 ดอลลาร์สหรัฐ และดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราร้อยละ 7.75 ต่อปี ในหนี้เงินกู้ยืมจำนวน 5,616,969.87 ดอลลาร์สหรัฐ นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินค่าธรรมเนียมทางกฎหมายจำนวน 29,056.36 ดอลลาร์สหรัฐ แก่โจทก์ที่ 1 พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ให้การต่อสู้คดีหลายประการ และฟ้องแย้งมาในคำให้การว่าในการกู้ยืมเงินตามคำฟ้อง จำเลยที่ 1 ได้นำหุ้นของบริษัทยูนิเวสท์แลนด์ จำกัด (มหาชน)จำนวน 35,800,000 หุ้น จำนำเป็นหลักประกันการชำระหนี้ โดยหุ้นดังกล่าวมีมูลค่าสูงกว่ายอดเงินที่จำเลยที่ 1 กู้ยืม จำเลยที่ 1 ได้พยายามติดต่อหาบุคคลภายนอกมาซื้อหุ้นดังกล่าวเพื่อนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ทั้งสาม แต่โจทก์ทั้งสามพยายามบ่ายเบี่ยงและถ่วงเวลาจนล่วงเลยกำหนดเวลาที่ผู้ซื้อกำหนดทำให้จำเลยที่ 1 ขายหุ้นไม่ได้ ซึ่งหากจำเลยที่ 1 ขายหุ้นได้ในขณะนั้น โจทก์ทั้งสามจะได้รับเงินเพื่อชำระหนี้ทั้งสิ้น 171,840,000 บาท ต่อมาโจทก์ทั้งสามได้กระทำการโดยไม่สุจริตขายทอดตลาดหุ้นดังกล่าวเพื่อชำระหนี้เงินกู้ยืมในราคาถูกกว่าปกติโดยขายได้เงินเพียง 96,000,000 บาท ทำให้จำเลยที่ 1 ได้รับความเสียหายต้องค้างชำระหนี้แก่โจทก์อีก 75,180,000 บาท ขอให้ยกฟ้อง หากศาลเห็นว่าจำเลยมีความรับผิดตามฟ้องทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ก็ขอให้พิพากษาให้โจทก์ชำระค่าเสียหายแก่จำเลยที่ 1เป็นเงิน 75,180,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ 14 มีนาคม 2540 ซึ่งเป็นวันที่โจทก์ทั้งสามนำหุ้นออกขายทอดตลาดเพื่อนำเงินดังกล่าวมาหักกลบลบหนี้กับหนี้ที่จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งสาม
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งให้รับคำให้การจำเลยที่ 1 ส่วนฟ้องแย้งเป็นฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไขจึงไม่รับและให้คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมดแก่จำเลยที่ 1
ต่อมาจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 3 สิงหาคม 2542 ขออนุญาตแก้ไขคำให้การและฟ้องแย้งในส่วนของคำขอท้ายคำให้การและฟ้องแย้งเดิมเป็นว่าขอให้ยกฟ้องและขอให้พิพากษาให้โจทก์ชำระค่าเสียหายให้แก่จำเลยที่ 1 เป็นเงินจำนวน 75,180,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 14มีนาคม 2540 ซึ่งเป็นวันที่โจทก์นำหุ้นออกขายทอดตลาด และขอให้นำเงินดังกล่าวมาหักกลบลบหนี้กับหนี้ที่จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งสามหากมีด้วย
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งว่า สำหรับคำร้องขอแก้ไขคำให้การและฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 ปรากฏว่าเป็นการแก้ไขในส่วนของฟ้องแย้งซึ่งศาลมีคำสั่งไม่รับไปแล้ว จึงไม่อาจอนุญาตให้แก้ไขได้
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์คำสั่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่ไม่อนุญาตให้จำเลยที่ 1 แก้ไขคำให้การและฟ้องแย้งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่าคดีคงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 เพียงข้อเดียวว่าที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยที่ 1 แก้ไขคำให้การและฟ้องแย้งตามคำร้องฉบับลงวันที่ 3 สิงหาคม 2542 ของจำเลยที่ 1 เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ตามคำร้องขอแก้ไขคำให้การและฟ้องแย้งฉบับลงวันที่ 3 สิงหาคม 2542 ของจำเลยที่ 1 เป็นการขอแก้ไขเฉพาะในส่วนของคำขอท้ายฟ้องแย้งเดิมโดยขอตัดข้อความส่วนที่เป็นเงื่อนไขออกเท่านั้น โดยไม่มีข้อความใดที่เป็นการขอแก้ไขเพิ่มเติมข้อต่อสู้ในคำให้การเดิมหรือเป็นการขอเพิ่มเติมคำให้การเดิมโดยยกข้อต่อสู้ขึ้นใหม่แต่อย่างใดเมื่อคดีนี้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 ไว้พิจารณาแล้ว จึงไม่มีฟ้องแย้งในคดีนี้ที่จะให้จำเลยที่ 1แก้ไขได้อีก
พิพากษายืน