คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6746/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าตรวจคำฟ้องโจทก์คำให้การจำเลยฟ้องแย้งจำเลยคำร้องขอถอนฟ้องโจทก์และคำคัดค้านการขอถอนฟ้องโจทก์ของจำเลยแล้วอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้ถือว่าศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยให้แล้วว่าคำคัดค้านของจำเลยยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ศาลชั้นต้นจะสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา141

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากตึกแถวเลขที่ 132 ให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 126,660 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 13.5 ต่อปีนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และค่าเสียหายในอัตราเดือนละ 20,000 บาทนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยจะส่งมอบตึกแถวคืนโจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้อง และขอให้บังคับโจทก์ชำระเงินค่าต่อสัญญาคืนแก่จำเลย 866,666.66 บาท กับใช้ค่าเสียหาย24,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีนับจากวันฟ้องแย้งจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ขอยืนยันตามฟ้องเดิมทุกประการขอให้ยกฟ้องแย้ง
ก่อนวันชี้สองสถาน โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องอ้างว่าเพิ่งค้นพบหลักฐานบางประการ จึงขอถอนฟ้องเพื่อปรึกษากับกรรมการโจทก์ต่อไป
จำเลยคัดค้านว่า ที่โจทก์อ้างว่าเพิ่งค้นพบหลักฐานบางประการนั้นไม่มีเหตุผลเพียงพอ หากศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลยจะได้รับความเสียหาย ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ และให้จำหน่ายฟ้องแย้งจากสารบบความ
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่าสมควรอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องหรือไม่ เห็นว่า แม้จำเลยจะคัดค้านการถอนฟ้องของโจทก์ว่าคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์ที่อ้างว่าเพิ่งค้นพบหลักฐานบางประการนั้น ไม่มีเหตุเพียงพอและทำให้จำเลยได้รับความเสียหายก็ตาม แต่การที่ศาลจะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องหรือไม่นั้นเป็นดุลพินิจของศาล โดยพิจารณาถึงเหตุผลและความจำเป็นว่าสมควรหรือไม่ประการใด คดีนี้โจทก์ขอถอนฟ้องภายหลังจำเลยยื่นคำให้การ ยังไม่มีการสืบพยานและศาลชั้นต้นได้ฟังคำคัดค้านของจำเลยแล้ว ที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว ส่วนที่จำเลยฎีกาโต้แย้งว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นไม่มีเหตุผลแห่งคำวินิจฉัยทั้งปวงและคำวินิจฉัยของศาลในประเด็นแห่งประเด็นแห่งคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 141 นั้น เห็นว่าการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าตรวจคำฟ้องโจทก์ คำให้การจำเลย ฟ้องแย้งจำเลย คำร้องขอถอนฟ้องโจทก์และคำคัดค้านการขอถอนฟ้องของจำเลยแล้ว เห็นสมควรอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้นั้น ถือว่าศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยให้แล้วว่าคำคัดด้านของจำเลยไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ศาลชั้นต้นจะสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 141ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share