แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าฎีกาของจำเลยทั้งสองเป็นฎีกาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรกไม่รับฎีกา คืนค่าธรรมเนียมทั้งหมด จำเลยทั้งสองเห็นว่า ฎีกาข้อ 2 วรรค 2 เป็นปัญหาข้อกฎหมาย และจำเลยทั้งสองฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ที่ไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสองทำการพิจารณาคดีใหม่เป็นคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง โปรดมีคำสั่ง รับฎีกาของจำเลยทั้งสองไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 97 แผ่นที่ 2) ชั้นขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน จำนวน 70,480 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 25,000 บาท นับจากวันฟ้อง (วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2536) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขอนอกจากนี้ให้ยก จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 94) จำเลยทั้งสองจึงยื่นคำร้องนี้ โดยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล (อันดับ 95)
คำสั่ง จำเลยทั้งสองฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับคำขอให้พิจารณาใหม่เมื่อศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกา การที่จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าว ย่อมทำให้การบังคับคดีต้องล่าช้าไปอาจเสียหายแก่โจทก์ผู้ชนะคดีได้จำเลยทั้งสองจึงต้องนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันมาให้ไว้ต่อศาลภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันที่ ศาลมีคำสั่งตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ประกอบด้วยมาตรา 247 บัญญัติไว้ แต่จำเลยทั้งสองมิได้ ปฏิบัติตามเงื่อนไขแห่งบทกฎหมายดังกล่าว จึงให้ยกคำร้องของจำเลยทั้งสอง