แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 อ้างว่าเหตุที่ทำให้ราคาที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินมีจำนวนต่ำเกินสมควรนั้น เกิดจากเจ้าพนักงานบังคับคดีกระทำประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง โดยการกำหนดราคาประเมินทรัพย์สินที่จะขายทอดตลาดต่ำกว่าราคาประเมินที่ดินของเจ้าพนักงานที่ดินและมาตรฐานราคาค่าก่อสร้างที่ทราบประเมินที่ดินของเจ้าพนักงานที่ดินแล้ว แต่ยังกำหนดราคาเริ่มต้นในการขายทอดตลาดครั้งที่ 2 และ 3 ลดลงจากจำนวนร้อยละ 80 ของราคาประเมินเป็นจำนวนร้อยละ 65 และ 50 ของราคาประเมินตามลำดับ ตามประกาศกรมบังคับคดีเรื่องนโยบายการขายทอดตลาดของกรมบังคับคดี ลงวันที่ 25 กรกฎาคม 2546 ซึ่งเป็นประกาศฉบับใหม่ที่ประกาศใช้ขณะที่มีการขายทอดตลาดครั้งที่ 2 และ 3 อีกด้วย จึงเป็นกรณีที่จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องเพื่อขอให้มีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์สินตามมาตรา 309 ทวิ วรรคสอง แห่ง ป.วิ.พ. แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ป.วิ.พ. (ฉบับที่ 21) ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2548 เมื่อจำเลยที่ 1 ยื่นฎีกาเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2551 ภายหลังจากบทบัญญัติ มาตรา 309 ทวิ มีผลใช้บังคับแล้ว คำร้องของจำเลยที่ 1 จึงตกอยู่ภายใต้บังคับของวรรคสี่แห่งบทบัญญัติมาตราดังกล่าวซึ่งบัญญัติให้คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลในกรณีนี้เป็นที่สุด ดังนั้นจำเลยที่ 1 จึงไม่มีสิทธิฎีกาได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน 369,408.97 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปี ของต้นเงิน 275,205.62 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ ต่อมาจำเลยทั้งสองผิดนัดชำระหนี้และไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอม โจทก์ขอให้บังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 126351 พร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งเป็นทรัพย์ที่จำนองของจำเลยที่ 1 นำออกขายทอดตลาดและสามารถขายได้ในการขายทอดตลาดครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2546 ในราคาสูงสุด 305,000 บาท
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่า ราคาที่ขายได้ต่ำกว่าราคาท้องตลาด และเป็นการดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติกฎหมายว่าด้วยการบังคับตามคำพิพากษาและเป็นการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของเจ้าพนักงานบังคับคดี ขอให้ศาลมีคำสั่งดำเนินการขายทอดตลาดใหม่
โจทก์และผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่าการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบราคาประเมินที่ดินของเจ้าพนักงานที่ดินซึ่งเป็นราคาประเมินที่เป็นกลาง แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนดราคาประเมินทรัพย์ที่จะขายทอดตลาดต่ำกว่าความเป็นจริงมากและต่ำกว่าราคาประเมินของเจ้าพนักงานที่ดินทั้งการขายทอดตลาดครั้งที่ 2 และ 3 เจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนดราคาเริ่มต้นลดลงจากจำนวนร้อยละ 80 ของราคาประเมิน เป็นจำนวนร้อยละ 65 และ 50 ของราคาประเมินตามประกาศกรมบังคับคดีเรื่องนโยบายการขายทอดตลาดของกรมบังคับคดีลงวันที่ 25 กรกฎาคม 2546 ทำให้ราคาที่ขายได้ต่ำลงไปอีก การบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดีดังกล่าวจึงไม่เป็นธรรมและประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง เห็นว่า จำเลยที่ 1 อ้างว่าเหตุที่ทำให้ราคาที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินมีจำนวนต่ำเกินสมควรนั้น เกิดจากเจ้าพนักงานบังคับคดีกระทำประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงโดยการกำหนดราคาประเมินทรัพย์สินที่จะขายทอดตลาดต่ำกว่าราคาประเมินที่ดินของเจ้าพนักงานที่ดินและมาตรฐานราคาค่าก่อสร้างทั้งที่ทราบราคาประเมินที่ดินของเจ้าพนักงานที่ดินแล้วและยังกำหนดราคาเริ่มต้นในการขายทอดตลาดครั้งที่ 2 และที่ 3 ลดลงจากจำนวนร้อยละ 80 ของราคาประเมินเป็นจำนวนร้อยละ 65 และ 50 ของราคาประเมินตามลำดับตามประกาศกรมบังคับคดีเรื่องนโยบายการขายทอดตลาดของกรมบังคับคดี ลงวันที่ 25 กรกฎาคม 2546 ซึ่งเป็นประกาศฉบับใหม่ที่ประกาศใช้ขณะที่มีการขายทอดตลาดครั้งที่ 2 และ 3 อีกด้วย จึงเป็นกรณีที่จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องเพื่อขอให้มีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์สินตามมาตรา 309 ทวิ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 21) ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2548 คดีนี้จำเลยที่ 1 ยื่นฎีกาเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2551 ภายหลังจากบทบัญญัติมาตรา 309 ทวิ มีผลใช้บังคับแล้ว คำร้องของจำเลยที่ 1 จึงตกอยู่ภายใต้บังคับของวรรคสี่แห่งบทบัญญัติมาตราดังกล่าว ซึ่งบัญญัติให้คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลในกรณีนี้เป็นที่สุด ดังนั้น จำเลยที่ 1 จึงไม่มีสิทธิฎีกาได้ ที่ศาลชั้นต้นหรือคำสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 1 มานั้นจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้”
พิพากษายกฎีกาของจำเลยที่ 1 ให้คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาทั้งหมดให้แก่จำเลยที่ 1 ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกานอกจากนี้ให้เป็นพับ