แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตำรวจที่ลาราชการไปธุระต่างท้องที่นั้น คงเป็นตำรวจอยู่นั่นเอง เมื่อไปทำการตรวจค้น บุคคลใดในที่สาธารณะสถานย่อมได้รับความคุ้มครองตาม ป.ม.วิ.อาญา มาตรา 93.
จำเลยเป็นตำรวจ ได้ลาราชการมา และได้ทำการตรวจค้นผู้พกสนับมือ แล้วไม่นำสนับมือกับผู้นั้นส่งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ย่อมมีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา 131,142.
(อ้างฎีกา 140/2490)
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 1 ปี 6 เดือนตามมาตรา 127,128,293 ศาลอุทธรณ์แก้ว่าจำเลยมีผิดตามมาตรา 293 กะทงเดียว กำหนดโทษยืนตามนั้น จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ต้องห้ามมาตรา ป.ม.วิ.อาญามาตรา 218.
ย่อยาว
ความว่า พลตำรวจเมืองจำเลยได้ลาราชการ และได้สมคบกับนายยาจำเลย ทำการตรวจค้น เอาสนับมือ ๑ อันกับพระเครื่องราง ๑ ถุงไปจากนายอินแก้ว แล้วไม่นำส่งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จนกรมการอำเภอเรียกตัวจำเลยทั้งสองมาสอบถาม พลตำรวจเมืองจำเลยจึงนำสนับมือส่ง โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสอง พลตำรวจเมืองจำเลยให้การปฏิเสธ นายยาจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า พลตำรวจเมืองจำเลยมีผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๑๓๑,๑๔๒,๒๙๓ นายยาจำเลยมีผิดตามมาตรา ๑๒๗,๑๒๘,๒๙๓,๕๙ ให้รวมกะทงโทษ คงจำคุกพลตำรวจเมือง ๑ ปี ๓ เดือน นายยาจำเลย ๖ เดือน ศาลอุทธรณ์แก้ว่าพลตำรวจเมืองจำเลยไม่มีผิดตามมาตรา ๑๓๑,๑๔๒ คงมีผิดตามมาตรา ๒๙๓ กะทงเดียวส่วนกำหนดโทษยืนตาม
โจทก์,และพลตำรวจเมืองจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตำรวจที่ลาราชการไปธุระต่างท้องที่คงเป็นตำรวจอยู่นั่นเอง เมื่อไปทำการตรวจค้นบุคคลใดในที่สาธารณะ ย่อมได้รับความคุ้มครอง ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๙๓ พลตำรวจเมืองจำเลยจึงมีผิดตามมาตรา ๑๓๑,๑๔๒
พิพากษาแก้ให้บังคับคดีไปตามศาลชั้นต้น.