คำวินิจฉัยที่ 111/2563

แหล่งที่มา : สำนังานเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ

ย่อสั้น

คดีนี้เอกชนยื่นฟ้องสำนักงานก่อสร้างทางที่ ๒ ผู้ถูกฟ้องคดี ที่ ๑ กรมทางหลวง ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ว่า ผู้ฟ้องคดีเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โฉนดที่ดินได้รับความเสียหายจากการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ โดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้ก่อสร้างทางหลวงรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของผู้ฟ้องคดี ขอให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นค่าปรับที่นาและผลผลิตทางการเกษตร (ข้าว) เสียหาย ขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองคืนที่ดินและปรับสภาพที่ดินของผู้ฟ้องคดีในส่วนที่ถูกรุกล้ำให้กลับคืนสภาพเดิม ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองให้การว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ก่อสร้างโครงการก่อสร้างทางหลวง สายแยกทางหลวงหมายเลข ๒๔ จาก ๒ ช่องจราจรเป็น ๔ ช่องจราจร รวมระยะทาง ๑๒.๘๑๕ กิโลเมตร ในการก่อสร้างทางดังกล่าวได้ดำเนินการในเขตทางเดิมและเขตทางใหม่ที่จะต้องเวนคืนเพิ่ม แต่ที่ดินโฉนดพิพาทไม่ได้ถูกเวนคืน และไม่ได้สร้างรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้ฟ้องคดี การดำเนินการของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองไม่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือละเมิดต่อผู้ฟ้องคดี ขอให้ยกฟ้อง เห็นว่า เหตุแห่งการฟ้องคดีนี้ ผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้างว่า ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองก่อสร้างถนนรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของผู้ฟ้องคดี แต่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองให้การว่าได้ก่อสร้างทางหลวงในเขตทางเดิมไม่ได้รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้ฟ้องคดี การที่จะวินิจฉัยว่าผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดีหรือไม่ เป็นเพียงผลของการวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินพิพาทระหว่างผู้ฟ้องคดีกับผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง ซึ่งหากศาลวินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทเป็นของผู้ฟ้องคดี การที่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองกระทำการตามฟ้องก็เป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดี แต่หากที่ดินพิพาทเป็นเขตทางเดิมจะเป็นผลให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองมีอำนาจก่อสร้างถนนได้โดยไม่เป็นละเมิดต่อผู้ฟ้องคดี ดังนั้น จึงเห็นได้ว่า การที่ผู้ฟ้องคดีใช้สิทธิฟ้องคดีนี้ ก็เพื่อขอให้ศาลรับรองคุ้มครองสิทธิในที่ดินของตนเป็นสำคัญ ข้อพิพาทในคดีนี้จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

Share